ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว PPTV โดยมองว่า หากไทยพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน มองว่า จะเป็นการพบในกลุ่มเล็กๆ และไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ หรือกลับมาปิดประเทศแต่อย่างใด สามารถใช้วิธีการปิดเป็นจุดๆ ที่พบการแพร่ระบาดได้
โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งขณะนี้มีอัตราการฉีดวัคซีน ที่ครอบคลุมจำนวนประชากรในพื้นที่แล้วจำนวนมาก ประกอบกับประชาชนบางส่วนติดเชื้อในการระบาดระลอกที่ผ่านมา ทำให้มีภูมิคุ้มกัน
นักวิจัยชี้ วัคซีนผสมในไทย กันโควิด "โอไมครอน"
โควิด-19 “โอไมครอน” ไม่รุนแรง? อาจเพราะระบาดในคนอายุน้อย
หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ยังบอกว่า สิ่งที่ยังคงต้องติดตามในขณะนี้ คือ ความเร็วของการแพร่ระบาดจะเร็วความรุนแรงของโรค รวมถึงส่งผลต่อประสิทธิภาพของยา และวัคซีนหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังต้องรอให้นักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาทำงานอย่างเต็มที่ โดยคาดว่า ผลจะค่อยๆทยอยออกมาในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งก็จะทำให้พอมองภาพได้ชัดเจน และ พอประเมินสถานการณ์ได้
ศบค.เร่งติดตามตัว 252 คนมาจาก 8 ประเทศแอฟริกา ตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR
ส่วนที่มีความกังวลถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ศ.ดร.วสันต์ อธิบายว่า มีโอกาสที่วัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้ ประสิทธิภาพจะลดลง เพราะวัคซีนทุกตัวพัฒนามาจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม ที่ระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ทำให้เมื่อเจอเชื้อที่มีการกลายพันธุ์ หน้าตาไม่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า วัคซีนจะไม่มีประสิทธิภาพเลย
ขณะที่ รายการเปิดโต๊ะข่าว ของ PPTV เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีการเชิญ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาร่วมรายการ ซึ่งเปิดเผยว่า ในที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข มีการหารือว่า กรณีแบบไหนที่อาจนำไปสู่การปิดประเทศ โดยนายสาธิตบอกว่า หากพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในจังหวัดปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี และไม่สามารถหาต้นตอได้ ก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญของการตัดสินใจปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาดูใกล้ชิดตอนนี้คือ สิ่งที่ ศบค.แถลงวันนี้ โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ที่ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวที่มาจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงที่เข้ามาในระบบแซนด์บ็อกซ์ (กักตัว 7 วัน) จำนวน 252 คน ที่ยังตกค้างอยู่ในไทย ขอให้มาตรวจ RT-PCR กับโรงพยาบาลรัฐ เร็วที่สุด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งในขณะนี้ยังตามตัวมาตรวจหาเชื้อได้เพียง 11 คน
โควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" (Omicron) ลามประเทศไหนแล้วบ้าง