นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงมาตรการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ได้เชิญอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ มาพบและชี้แจงแนวทางให้คำนึงถึงมิติเศรษฐกิจและการทำมาหากิน เพื่อให้การดำเนินชีวิตของประชาชนให้เป็นปกติให้มากที่สุด ซึ่งสายพันธุ์โอมิครอนถึงจะติดเร็ว แต่จากการศึกษาและการงานวิจัย ยืนยันว่าความรุนแรงของโรค สำหรับประเทศไทยยังควบคุมได้ เพราะมีการฉีดวัคซีนและมาตรการอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
นนทบุรี เตรียมเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไฟเซอร์ 20,000 โดส
“หญิง รฐา” ติดโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวแล้ว
"ไม่ใช่เสนอแบบเป็นรูทีน แต่ท่านต้องเสนอว่าทำอย่างไรให้ทุกมิติมันมูฟได้ ให้ประชาชนดำเนินชีวิตให้ได้มากที่สุด แต่ว่าความปลอดภัยต้องมีอยู่ ก็เพิ่งคุยกับท่านเมื่อเช้า"
เมื่อถามว่าจะดำเนินการในลักษณะอย่างไร จะต้องมีการปรับพื้นที่ใหม่หรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า "เราเคยเป็นอย่างไรมา และดูดีที่สุดก็ให้ไปคิดในเรื่องมิติเหล่านั้นและก็ ต้องดูทุกอย่าง ความพร้อมต้องมี ถ้าเกิดเหตุการณ์ติดเชื้อต้องรองรับได้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตื่นตระหนก การทำความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิต ให้ความร่วมมือ อันนี้ต้องขอบคุณประชาชนจริง ๆ ที่ให้ความร่วมมือมาโดยตลอดและต้องขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือต่อไป เพราะถ้ายิ่งให้ความร่วมมือมาก เราก็กล้าที่จะผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ต่อไปได้"
ส่วนการผ่อนคลายธุรกิจสถานบันเทิง นายอนุทิน ระบุว่า ตรงไหนที่เป็นความเสี่ยงสูงสุดก็จะค่อย ๆ ลด แต่ก็เห็นใจ เข้าใจ เวลาที่มีการร้องขอมาเปลี่ยนรูปแบบจากผับบาร์มาเป็นภัตตาคารเราก็ยอมทั้งที่คนละอย่างกัน แต่ว่าถ้าเปลี่ยนรูปแบบแล้วก็ขอให้เป็นร้านอาหารจริง ๆ ไม่ใช่เป็นรูปแบบผับบาร์อยู่ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ผ่อนคลายไม่ได้
"เราอยากผ่อนคลาย เราเห็นพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ไม่รู้สึก พูดกับอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ ถึงขนาด ท่านต้องเข้าใจหัวอกคนทำมาหากินผู้ประกอบการ เพราะพวกเรา พวกข้าราชการยังไงก็มีเงินเดือน แต่ว่าผู้ประกอบการ ลูกจ้าง พวกเหล่านี้ เขาอยู่ได้ เขาต้องมีการขับเคลื่อนทางธุรกิจ ท่านเข้าใจดีครับ"
ส่วนการเปิดระบบ Test&GO อีกครั้งตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการท่องเที่ยว นายอนุทิน ระบุว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขจะนำเสนอให้นำระบบกลับมาดำเนินการใหม่ แต่ตอนนี้ยังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นทุกเรื่องก็ต้องจบที่ ศบค. ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงทำได้แค่เสนอ โดยยึดความปลอดภัย และหลักการทางการแพทย์ ซึ่งสุดท้ายก็จะไปเคาะที่ ศบค. อีกครั้งหนึ่ง