จากกรณีน้ำมันดิบรั่วออกจากท่อขนส่งใต้ทะเล ของบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด ล่าสุดกองทัพเรือพร้อมหลายหน่วยงานออกมาแถลงข่าวร่วมกันถึงปฎิบัติกำจัดและฟื้นฟูจากอุบัติการณ์ครั้งนี้ ท่ามกลางข้อสงสัยของสื่อมวลชนในหลายประเด็น โดยเฉพาะตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วออกมา
ขณะที่นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ จากที่บริษัทแถลงว่า มีน้ำมันรั่วลงทะเล 1 แสน 6 หมื่นลิตร ถือว่ามากกว่าปี 2556
อ.ธรณ์ หวั่น คราบน้ำมันซัดเข้าหาดแม่รำพึง
ชาวประมง หวั่น ผลกระทบน้ำมันรั่วกลางทะเล
ที่มีท่อน้ำมันดิบของ ปตท.รั่วเช่นกัน และมีผลกระทบไปที่เกาะเสม็ด โดยผลกระทบครั้งนั้น ทำให้ ทะเลมีความสกปรก ระบบนิเวศทางทะเลเสียหาย การท่องเที่ยวเสียหาย รวมทั้ง ประมงพื้นบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้เกือบเดือน ซึ่งขณะนี้ยังฟ้องร้องกันไม่จบ
สำหรับคราบน้ำมันในทะเล ถือว่าเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงทางทะเล และยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิม น้ำมันดิบรั่วไหลและคราบน้ำมันในทะเลนอกจากจะส่งผลเสียอย่างมหาศาลต่อระบบนิเวศและธรรมชาติแล้ว สารพิษและสิ่งที่หลงเหลือยังส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย ทั้งนี้การสัมผัสน้ำมันดิบหรือคราบน้ำมันในทะเลทำให้เกิดการระคายเคืองตามผิวหนัง เป็นผื่นคัน แสบร้อน เกิดแผลและติดเชื้อได้ รวมถึงสารพิษจะซึมเข้าสู่ผิวหนังทำให้เกิดอันตรายอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เช่น มะเร็งผิวหนัง
การสูดดมกลิ่นเหม็นของน้ำมันและสารเคมีทำให้ปอดได้รับสารพิษ เกิดอาการปอดอักเสบ โรคระบบทางเดินหายใจ การรับสารพิษโดยการดูดซึมทางร่างกายอาจจะทำให้สารพิษไปสะสมในไตจนเกิดภาวะไตเสื่อมและไตวายได้ และหากได้รับสารพิษเป็นระยะเวลานานอาจเกิดอันตรายถึงขั้นสารพิษทำลายระบบประสาทการควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้ไม่สามารถทรงตัวและไม่สามารถเดินได้เป็นปกติ และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งในที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่16