หุ้นสัปดาห์หน้าแกว่ง รอประชุมเฟด 25-26 ม.ค. บาทแข็งค่าจากเงินไหลเข้า

หุ้น-ค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าผันผวน รอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในช่วงกลางสัปดาห์ จับตาทิศทางการลงทุนของต่างชาติ แต่ผลประกอบการในไตรมาส 4 ที่เริ่มทยอยออกช่วยประคอง แม้ว่าการเมืองจะมีความเสี่ยงมากขึ้น

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา เผชิญกับแรงเทขายก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค. แต่นักลงทุนต่างชาติเลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว และเข้าซื้อพันธบัตร ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่ารอบ 2 เดือน

หุ้นสหรัฐ-คริปโท ร่วง เป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่โควิด-19 ระบาด

ดาวโจนส์ร่วง 5 วันติด นักลงทุนกังวลเฟด-เศรษฐกิจสหรัฐชะลอ

สหรัฐฯย้ำ รัสเซียโดนหนักหากบุกยูเครน ด้านรัสเซียซ้อมรบต่อ พร้อมจับมืออิหร่าน-จีน | 21 ม.ค. 65 | รอบโ...

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองในสัปดาห์ถัดไป (24-28 ม.ค. 65) ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,640 และ 1,625 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,675 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (25-26 ม.ค.) สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ผลประกอบการไตรมาส 4/64 ของบจ.ไทย ตลอดจนประเด็นการเมืองในประเทศ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/64 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนธ.ค. 64 รวมถึงข้อมูล PMI (เบื้องต้น) เดือนม.ค.65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูล PMI (เบื้องต้น) เดือนม.ค.65 ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. 64 ของจีน

หุ้นไทยร่วงลงแรงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,652.73 จุด ลดลง 1.19% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 90,965.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.24% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.99% มาปิดที่ 661.85 จุด     

หุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงสั้นๆต้นสัปดาห์ จากความคาดหวังว่าทางการจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิดลงบางส่วน ก่อนจะทยอยปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดที่อาจเกิดเร็วขึ้นและแรงกว่าคาด หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับไร้ปัจจัยหนุนใหม่ๆเข้ามา ส่งผลให้เกิดแรงขายออกมาบ้างก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า หลัก ๆ จากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (24-28 ม.ค. 65) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.70-33.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE และ Core PCE Price Index เดือนธ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 4/64 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น โดยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนที่ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ โดยเงินบาทแข็งค่าสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินหยวน ประกอบกับยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนตามแรงซื้อคืนของนักลงทุนในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ จากการประชุม FOMC วันที่ 25-26 ม.ค. 2565

ในวันศุกร์ (21 ม.ค.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.90 เทียบกับระดับ 33.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (14 ม.ค.)

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline