
TTB ไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิ 3,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8%
เผยแพร่
บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาติ (TTB) ผลประกอบการไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14.8% มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ชะลอตัว เจอแรงกดดันสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อสูง
KKP ไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิ 2,055 ล้านบาท พุ่ง 40.5% เหตุสินเชื่อโต-ค่านายหน้าเพิ่ม
ทีเอ็มบีธนชาต ปี 2564 กำไรสุทธิ 10,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2565 ธนาคารทหารไทยธนชาติ จำกัด (มหาชน) ชื่อหลักทรัพย์ TTB รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 3,194 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมากจากการบริหารสินทรัพย์ และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง ขณะที่การเติบโตด้านรายได้ยังคงมีความท้าทายจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน และรายได้ดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้มคงที่จากการเติบโตของสินเชื่อหลัก
โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 12,409 ล้านบงาท ลดลง 3.6 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของยอดเงินให้สินเชื่อ
ธอส.ออกสลาก "ขาลเพิ่มพูน" หน่วยละ 1,000 บาท ลุ้นรางวัล 2 ล้านทุกเดือน
ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,365 ล้านบาท ลดลง 20.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
ทั้งนี้ธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย 6,987 ล้านบาท ลดลง 4.9% ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายพนักงานลดลงจากโปรแกรมเกษียณอายุโดนสมัครใจ ค่าสาธารณูปโภคและค่าเช่าอาคารสถานที่ลดลง รวมถึงค่าธรรมเนียมและค่าเช่าซอฟต์แวร์ลดลง
สำหรับในไตรมาสนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 4,808 ล้านบาท ลดลง 12.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งระดับของสำรองฯนี้ สะท้อนรูปแบบการบริหารความเสี่ยงสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากกการแพร่ระบาดโควิด-19 กำลังเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น และมีการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้มีแนวโน้มที่ดีของความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า
ขณะที่ทรัพย์สินรวม ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2565 ของธนาคารและบริษัทย่อย อยู่ที่ 1,789,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2564 และเงินรับฝากตามงบการเงินรวมอยู่ที่ 1,360,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากสิ้นปี 2564
แนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 2 และช่วงที่เหลือปี 2565 มีแนวโน้มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง สถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน มีแนวโน้มยืดเยื้อ โดยภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอลง โดยเฉพาะยุโรป รวมทั้งแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตและการขนส่งที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตามราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน สินค้าเกษตรและสินค้าโภคภัณฑ์ ช่วยหนุนภาพรวมการส่งออกในปี 2565 ซึ่งประเมินทั้งปีมูลค่าการส่งออกเติบโต 5.8%
ด้านการท้องเที่ยวมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มปลดล็อกมาตราการเดินทางเข้าไทยแบบไม่กักตัว จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ 4.5 ล้านคน
ต้นทุนวัสดุก่อสร้างพุ่งขึ้นทุกรายการ ดันราคาบ้านปรับเพิ่ม ส่วนค่าแรงไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านตลาดการเงิน คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวอยู่ในระดับ 0.5% เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่เงินเฟ้อในไตรมาสที่ 2 ดาดว่าอยู่ที่ประมาณ 5.0% ค่าเงินบาทอาจมีทิศทางอ่อนในไตรมาสที่ 2 จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ก่อนจะแข็งค่าในช่วงครึ่งหลังของปี กรอบเป้าหมายเงินบาทปี 2565 ที่ระดับ 32.5-34.5 บาทต่อดอลลาร์
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline