จิม โรเจอร์ส นักลงทุนระดับตำนาน เตือนนักลงทุนเตรียมรับมือ "ภาวะตลาดหมีครั้งเลวร้ายที่สุด" ในชีวิตการลงทุนของเขา แต่ยังเหลือสินทรัพย์ 2 ประเภทที่ "อันตรายน้อยที่สุด" ในวันนี้
จากดัชนี S&P 500 ร่วงหนัก 20% ตั้งแต่ต้นปี เป็นภาวะตลาดที่ไม่ดีนัก นักลงทุนกำลังหาจุดต่ำสุดเพื่อหาทางลงทุน แต่โรเจอร์ส มองว่า "นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น"
หุ้นสหรัฐฯ S&P 500 เข้าสู่ “ตลาดหมี” กินเวลานาน-กระทบหนักแค่ไหน
“ทองคำ” สินทรัพย์ลงทุนเหนือกาลเวลา
เฟด เดินหน้าเต็มสูบ มุ่งสกัดเงินเฟ้อ แม้เสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนี S&P 500 ตั้งแต่ต้นปี
“ภาวะขณะนี้เป็นตลาดหมีที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม ซึ่งหมายถึงว่ามันจะลงอีกมาก และจะใช้เวลานาน" โรเจอร์ส ขณะนี้มีอายุ 79 ปีกล่าวกับ ET Now เมื่อช่วงต้นเดือน
แต่โจเจอร์ส รู้ว่ามีอยู่อย่างหนึ่ง หรือสองอย่างที่สามารถทำเงินได้ในช่วงแห่งความปั่นป่วน ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งกองทุน Quantum Fund กับ ยอร์จ โซโรส พ่อมดการเงิน ในปี 1973 โดยลงทุนได้ถูกเวลาในช่วงตลาดหมี จากนั้นมาจนกระทั่งในปี 1980 พอร์ตของเขาให้ผลตอบแทน 4,200% ขณะที่ S&P 500 ฟื้นตัว 47%
โรเจอร์ส บอกว่า หากคุณกำลังมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย "ไม่มีสิ่งที่ปลอดภัย" ในโลกของการลงทุน แต่มหาเศรษฐีโรเจอร์ชี้ให้เห็นว่าในสินทรัพย์ 2 ประเภท ที่อาจช่วยให้รอดพ้นจากความหายนะจากความปั่นป่วนได้
โลหะเงิน
โลหะมีค่ายังเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนเสมอในช่วงเวลาที่ยังหาแสงสว่างไม่เจอ และเขาก็สนับสนุนมานานแล้ว
“บางที โลหะเงินอันตรายน้อยกว่าสินทรัพย์อื่น บางครั้งทองคำก็เป็นอีกสินทรัพย์ที่อันตรายน้อยกว่า"
ทองคำและโลหะเงินไม่สามารถพิมพ์ออกมาจากอากาศเหมือนธนบัตร ดังนั้นจึงเป็นสินทรัพย์ช่วยให้นักลงทุนต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ ในเวลาเดียวกัน ราคาของสินทรัพย์ทองคำและโลหะเงินมักจะอยู่นิ่ง ๆ และอาจเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำในช่วงวิกฤติ
แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเสี่ยง
"ผมจะยังไม่ซื้อตอนนี้ เพราะการล่มสลายครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่จะลง แต่ผมอาจจะซื้อโลหะเงินมากขึ้นเมื่อวันลงไปถึงจุดหนึ่ง"
โลหะเงิน มีการใช้อย่างกว้างขวางในการผลิตแผงโซลาร์ และเป็นส่วนประกอบสำคัญในยวดยานหลายประเภท ความต้องการทางอุตสาหกรรมกำลังเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ ทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนในยามวิกฤติ
สินค้าเกษตร
ไม่ต้องเรียนรู้มาก หรือ ฟังกูรูบอก เราดูเองก็รู้ว่าสินค้าเกษตรดีแค่ไหนในภาวะตลาดหมี เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤติแค่ไหน ก็ไม่มีใครตัด"อาหาร" ออกจากรายจ่าย
โรเจอร์ส มองว่าภาคเกษตรมีศักยภาพมากในช่วงที่การล่มสลายของตลาดกำลังตามมา “บางที โลหะเงินและสินค้าเกษตรเป็นสินทรัพย์ที่อันตรายน้อยที่สุดใน 2-3 ปีข้างหน้า"
มีช่องทางมากมายในการลงทุนสินค้าเกษตร ทั้งผ่านบริษัทในตลาดที่มีการทำธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทนี้มาก เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลืองและน้ำตาล ซึ่งในปี 2022 ปรากฏว่ามีเงินลงทุนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 9% หรือจะลงทุนผ่านกองทุน ETFs
แต่โรเจอร์ส ยังชอบไอเดียลงทุนทำการเกษตรด้วยตัวเอง
เขาเคยบอกตั้งแต่ปีที่แล้วว่า "ถ้ามนุษย์เรายังไม่เลิกสวมเสื้อผ้าและกินอาหาร ภาคเกษตรก็ไปได้ดี ถ้าหากคุณรักมันจริง ๆ ก็ทำด้วยตัวเอง คุณก็จะร่ำรวยมากๆ"
มุมมองของโรเจอร์ส นับว่าต่างไปจากบรรดานักลงทุนจำนวนมาก ที่กำลังมองหาจุดต่ำสุด เพื่อ "ช้อนซื้อ" แต่นั่นไม่ใช่ โรเจอร์ ที่มองว่าวขาลงครั้งนี้ "หนักและยาวนาน"