6 วิธีรับความผันผวนของ "ค่าเงิน" แบบไหน? เหมาะกับผู้ส่งออก-นำเข้า-ประชาชน
มาอีกแล้ว! yield curve inversion ครั้งที่ 3 รอบปี สัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์ตลาดหุ้นผันผวน ฝ่ายวิจัยฯ ได้ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ลดลงเหลือที่ระดับ 1,680 จุด จากเดิมที่บริษัทตั้งเป้าหมายดัชนีปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,800 จุด เนื่องจากมองว่าตลาดยังมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อสูง และวิตกกังวลว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงาน ธัญพืชและอาหารสูงขึ้น
นอกจากนี้ตลาดยังมีความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจและรายย่อย ภายใต้เศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง
โดยตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยพยุงจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งมีความมั่นคงทางอาหารสูง ส่วนปัญหาเงินเฟ้อ ประเมินว่าในช่วงไตรมาส 4/65 มีโอกาสชะลอตัวลง หากราคาน้ำมันดิบไม่ได้พุ่งแรง โดยอัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนพฤษภาคม 2565 สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่เงินเฟ้อของสหรัฐฯทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเงินเฟ้อสูงรอบนี้มาจาก Cost Push ตัวหลักคือ ราคาพลังงาน ดังนั้นถ้าราคาพลังงานไม่ถอยลง อัตราเงินเฟ้อก็จะลดลงไม่ได้
ด้านแนวโน้มดอกเบี้ยคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) อาจจะมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.75% ในการประชุมรอบต่อไป 26-27 กรกฎาคม นี้ และคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีโอกาสเริ่มปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีหลังของปี 2565
สำหรับปัจจัยที่ควรระวัง คือ เม็ดเงินไหลออก จากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯและไทย ที่จะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยในสิ้นปี 2565 อาจเห็น Gap ที่สูงถึง 2.25% ซึ่งประเด็นนี้ผนวกกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ประเมินไว้ว่าปีนี้จะอยู่ที่ 7-8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจะทำให้เงินบาทยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ
ด้านความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยถดถอย ในขณะนี้มองว่ายังมีความเสี่ยงน้อย แต่มีโอกาสที่จะฟื้นตัวและเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้ 0.2-0.3% ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่ธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มฟื้นตัวและมี Upside สูง โดยธีมการลงทุนในไตรมาส 3/65 ประกอบด้วย ธีมหุ้นเปิดเมือง (Reopening) ธีมหุ้นเชิงรับ (Defensive) ธีมหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ธีมหุ้นดูแลสุขภาพ (Healthcare) ธีมหุ้นดอกเบี้ยขาขึ้น และธีมหุ้นปันผลสูง
ด้านนายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า จากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การเลือกหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากธีมการลงทุนไตรมาส 3/65 ในช่วงที่น้ำมันดิบผันผวนด้านอุปทาน จากการแซงชั่นรัสเซีย กรณีสงครามรัสเซีย – ยูเครน ทำให้น้ำมันขึ้นราคา ซึ่งจะส่งผลดีกับอุตสาหกรรมต้นน้ำเช่น PTTEP ,PTT หุ้นโรงกลั่น เช่นBCP,TOP,ESSO,SPRC และหากน้ำมันลดราคาลง ตามเศรษฐกิจโลกชะลอจะเป็นผลดีกับอุตสาหกรรมที่นำน้ำมันหรือก๊าซไปใช้เป็นเชื้อเพลิง เช่น หุ้น SCC, BGRIM, GPSC, SCGP, CBG ,OSP, AAV, BA, EPG
ทั้งนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไทยกำลังเป็นขาขึ้น หุ้นได้ประโยชน์เป็นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ไม่ได้ทำธุรกิจเช่าซื้อ เช่น KBANK, BBL, TTB ส่วนหุ้นที่ได้รับผลกระทบทางลบจะเกี่ยวกับการทำไฟแนนซ์ ธุรกิจเช่าซื้อ เช่น KKP, TISCO, SAWAD, MTC