เปิด 6 กลุ่มหุ้น ได้-เสียประโยชน์ พิษน้ำมันโลกร่วงหนัก กังวลเศรษฐกิจถดถอย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วง 2 วันที่ผ่านมา (6-7 ก.ค.65) ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องกว่า 10 ดอลลาร์ ทำจุดระดับต่ำสุดใน รอบเกือบ 2 เดือน โดยราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเบรนท์ (Brent) ปรับตัวลงไปแตะ 97.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลงไปแตะ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สะท้อนความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย รวมถึงการที่จีนมีแนวโน้มกลับมาล็อกดาวน์เมืองสำคัญ จากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีน ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันอาจปรับตัวลดลง

น้ำมันโลก ดิ่งกว่า 10 ดอลลาร์ ผวา ศก.ถดถอย - ซาอุฯขึ้นราคาในเอเชีย

สำรวจ "ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย" ธุรกิจใดกระทบมากที่สุด

โดย ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันถือว่าอยู่ในความคาดหมายที่กำหนด สมมติฐานให้ความร้อนแรงของราคาน้ำมันจะเริ่มผ่อนคลายลงในช่วง ครึ่งหลังปี 65 จากการปรับตัวของความต้องการ และอุปทาน ที่จะค่อย ๆ เข้ามาสู่ภาวะสมดุล

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยกำหนด สมมติฐานให้ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2565 อยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (YTD เฉลี่ยอยู่ราว 101.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) และจะลดลงในปี 2566 มาอยู่ราว 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และตั้งแต่ปี 2567 อยู่ที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

หุ้นกลุ่มที่เสียประโยชน์

กลุ่มผู้ประกอบการผลิตและสำรวจน้ำมัน ที่มีรายได้อิงกับราคาขายน้ำมัน อาทิ PTTEP, BCP เป็นต้น ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น (TOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO, SPRC) ยังต้องดูแนวโน้มค่าการกลั่น ซึ่งคาดจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบ เพราะความกังวลในภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะนำไปสู่ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลงเช่นกัน รวมถึงการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันของกลุ่มโรงกลั่นอาจจะลดลงมีนัยฯ หรือ อาจพลิกกลับเป็นการบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันแทนได้หากราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วง ครึ่งหลังปี 65

 

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์

กลุ่มโรงไฟฟ้า : เริ่มเห็นอัตรากำไรที่ดีขึ้นได้จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง ได้แก่ GPSC, BGRIM ซึ่งได้รับอานิสงค์เต็มที่ ขณะที่ GULF, RATCH, EGCO จะได้รับผลบวกน้อยกว่า เพราะโรงไฟฟ้าหลักส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้า IPP ซึ่งส่งผ่านต้นทุนเชื้อเพลิงไปที่ภาครัฐ

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : โครงสร้างต้นทุนการผลิตที่สำคัญคือต้นทุนพลังงาน อาทิ ถ่านหิน และ ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มตามราคาน้ำมันดีเซลซึ่งหากราคาน้ำมันดิบปรับตตัวลง คาดเป็นผลดีต่อผู้ผลิตปูนซีเมนต์ (SCC,SCCC,TPIPL) ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง (DCC,DRT,VNG) อีกทั้งผู้ผลิตแต่ละรายมีแนวทางการปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา (ช่วงที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นแรง) อาทิ การปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น การใช้พลังงานทดแทน และล็อกราคาวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าบางส่วน

กลุ่มเช่าซื้อ: ทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลดลง จะทำให้แนวโน้มภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวลง ส่งผลบวกต่อแนวโน้มความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในกลุ่มเช่าซื้อให้ดีขึ้นบ้าง ทำให้แนวโน้มการตั้งสำรองหนี้สูญฯ จะลดลงได้บ้าง

กลุ่มเกษตร-อาหาร : จะได้ผลบวกทางอ้อมจากแนวโน้มค่าขนส่ง และต้นทุนที่เกี่ยงข้องกับน้ำมันลดลงบ้าง เช่น บรรจุภัณฑ์ (กระป๋องและซอง) และส่วนผสมของอาหาร (น้ำมันพืช)

กลุ่มบรรจุภัณฑ์ หรือ Packaging (SFT และ SFLEX) : ได้รับประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาแผ่นฟิล์มขึ้นลงผันผวนตามน้ำมัน ทั้งนี้วัตถุดิบฟิล์มถือเป็นวัตถุดิบ หลักในการทำบรรจุภัณฑ์ (คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด) โดยหากต้นทุนฟิล์มต่ำลงจะหนุนประสิทธิภาพการทำกำไรของกลุ่มในระยะถัดไป

 

TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ