นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า จากการที่กองทุนได้เปิดระบบการกู้ยืมในปีการศึกษา 2565 กองทุนได้เตรียมเงินงบประมาณให้กู้ยืมจำนวน 38,000 ล้านบาท เพื่อรองรับนักเรียน นักศึกษาจำนวนกว่า 600,000 ราย
เปิดยอดเงินกู้ กยศ. พบยอดให้กู้ยืมกว่า 7 ล้านบาท มีผู้กู้แล้วทะลุ 6 ล้านราย
โควิด-19 ส่งผลต่อความยากจนไปอีกอย่างน้อย 2 ปี และยากที่จะหลุดพ้น
โดยนักเรียน นักศึกษาสามารถยื่นกู้ยืมและทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชัน “กยศ. Connect” และสามารถทำสัญญาเงินกู้ยืมได้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันอีกด้วย
และจากกรณีที่มีข่าวว่า นักเศรษฐศาสตร์การศึกษาได้เปรียบเทียบสัดส่วนการให้เงินอุดหนุนด้านการศึกษา ผ่านโครงการเงินกู้ในเอเชีย โดยพบว่า กยศ. ของประเทศไทย ให้เงินอุดหนุนด้านการศึกษาแฝง หรือเงินอุดหนุนทางอ้อมมากกว่าหลายประเทศในเอเชีย
กองทุนขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นการวิเคราะห์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งการอุดหนุนงบประมาณเป็นไปตามความต้องการและความจำเป็นของผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในแต่ละปี ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรเงินแก่กองทุนตั้งแต่ปี 2539 – 2560 โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยให้นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับโอกาสทางการศึกษา
โดยกองทุนได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและอัตราการชำระเงินคืนยังไม่เพียงพอ จนในปี 2560 เป็นปีสุดท้ายที่กองทุน ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เพราะมีเงินหมุนเวียนเพียงพอในการให้กู้ยืมจากรุ่นพี่ส่งต่อให้รุ่นน้อง
กองทุนขอยืนยันว่า กองทุนจะเป็นหลักประกันให้ทุกครอบครัวว่าผู้ที่ที่ขาดแคลนสามารถกู้เงินได้ทุกคนโดยไม่มีข้อจำกัด เพื่อให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษา
“ไบเดน” ประกาศล้างหนี้ กยศ. ให้ชาวอเมริกันผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง
“โอนเงิน-ชำระเงินต่างประเทศ” ค่าธรรมเนียมต่ำ ผ่านเบอร์มือถือ-QR Code