ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 38.17 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่า” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 38.34 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 37.80-38.50 บาท/ดอลลาร์ และกรอบในวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38.00-38.25 บาท/ดอลลาร์
สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาดและมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มคาดหวังว่าเฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปี และในปีหน้า ในขณะที่เฟดจะประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.นี้
ราคาทองวันนี้ ปิดตลาดร่วง 50 บาท ตลาดสปอตร่วงหลุด 1,650 ดอลลาร์
แบงก์ชาติ เกาะติดค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หลังค่าเงินผันผวน
ค่าเงินบาทแกว่งตัวก่อนการประชุมเฟด 1-2 พ.ย.
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนตุลาคม ที่ออกมาแย่กว่าคาด โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 49.9 จุด และ 46.6 จุด ตามลำดับ (ดัชนีน้อยกว่า 50 หมายถึง ภาวะหดตัว) กดดันโดยภาวะเงินเฟ้อสูง การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ รวมถึงผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองว่าเงินบาทจะยังแกว่งตัว Sideways โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 38.50 บาทต่อดอลลาร์
นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่จะส่งผลต่อความผันผวนของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ได้ โดยเราเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย ซึ่งสอดคล้องกับการรีบาวด์ของดัชนี SET ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากดัชนี SET สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 1,600 จุดได้อย่างชัดเจนและบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมยังคงเปิดรับความเสี่ยง คาดว่าอาจเห็นฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยมากขึ้น