ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อการเลือกตั้ง 2566 ออกนโยบายดึงดูดต่างชาติ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือน เม.ย. อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว ตลาดทุนจับตาผลการเลือกตั้งไทย 14 พ.ค. นี้ "กอบศักดิ์" ชี้นักลงทุนต้องการความเสถียรภาพ ของรัฐบาลใหม่ หากได้เสียงข้างน้อยตลาดอาจปั่นป่วน มองเพดานหนี้สูงทำรัฐบาลใหม่มีงบใช้จำกัด แนะออกมาตรการระยะยาว ดึงดูดการลงทุนต่างชาติ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (ICI)ในเดือน เม.ย. 2566 พบว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ถึงเดือน ก.ค. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 110.09 เพิ่มขึ้น 15.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว ซึ่งนักลงทุนมองว่า การเลือกตั้งในประเทศจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือ ความคาดหวังต่อการไหลเข้าของเงินทุน และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว

กบน.ปรับลดราคาดีเซลรอบสองเดือน พ.ค. เหลือ 32 บาท/ลิตร

เปิดกลยุทธ์ลงทุน ก่อน-หลังเลือกตั้ง 2566 ส่องกลุ่มหุ้นให้ผลตอบแทนดี

ขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (FED) รองลงมาคือสถานการณ์การเมืองในประเทศในช่วงเลือกตั้ง และสถานการณ์เงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสนใจลงทุนในหมวดท่องเที่ยวและสันทนาการมากที่สุด รองลงมา คือ หมวดธนาคาพาณิชย์ และหมวดการแพทย์

ส่วนหมวดที่นักลงทุนมองว่า ไม่น่าสนใจ คือ หมวดปิโตรเคมีละเคมีภัณฑ์ ไม่น่าสนใจมากที่สุด รองลงมา หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ถัดมา คือ หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์

นายกอบศักดิ์ ระบุอีกว่า สิ่งที่กังวลใจในขณะนี้ คือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ หากเกิดขึ้นจะทำให้ผลประกอบบริษัทในสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบแย่ลง และราคาสินทรัพย์ในตลาดหุ้นหลักของโลกก็จะปรับลงมา

จับตา ภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ 

นายกอบศักดิ์ ระบุว่า เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใหญ่ในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถ้าธนาคารมีปัญหา ปล่อยสินเชื่อได้ไม่ดี จะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯเกิดผลกระทบมากกว่าที่คิดไว้ และจะทำให้เศรษฐกิจในถดถอยลงกว่าเดิม ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าตอนนี้บริษัทขนาดใหญ่ กำลังปรับลดพนักงานจำนวนมาก คาดว่าเพื่อเตรียมตัวรับมือเศรษฐกิจขาลง และไทยก็จะได้รับผลกระทบตามมา แต่อย่างไรก็ตามมองว่าเศรษฐกิจไทยยังพอเดินหน้าต่อไปได้ จากแรงหนุนภาคท่องเที่ยว

ตลาดทุนอยากได้ความแน่นอนหลังจากการเลือกตั้ง

สำหรับการเลือกตั้งไทย ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. 2566 นี้ ตลาดทุนอยากได้ความแน่นอนหลังจากการเลือกตั้ง ถ้าหากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ อาจจะทำให้ตลาดทุนเกิดความปั่นป่วน เนื่องจากความกังวลใจของนักลงทุน  ซึ่งถ้าหากรัฐบาลใหม่มีความเสถียรภาพ ก็จะสร้างความเข็มแข็งให้กับตลาดทุนไทย ขณะเดียวกันหากได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็จะเกิดความเสถียรภาพยากมากเช่นกัน

ส่วนเรื่อนโยบายที่หลายพรรคกำลังหาเสียง มองว่ารัฐบาลใหม่อาจจะต้องเลือกทำบางนโยบาย เนื่องจากตอนนี้ รัฐบาลมีหนี้จำนวนมากแล้ว ทำให้ขณะมีงบประมาณที่จำกัด ซึ่งเหลือทางเดียวคือ รัฐบาลหาเงินใช้จ่ายได้จากการเก็บภาษีเท่านั้น เพราะเพดานหนี้ใกล้เต็มจากการที่นำมาใช้ในช่วงโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนอยากให้รัฐบาลใหม่ออกมาตรการระยะยาวมากขึ้น สร้างอนาคตให้ประเทศ เพิ่มรายได้ และมีฐานการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอยากให้มีมาตรการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น ต้องทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางที่หลากหลายของอุตสาหกรรมให้ได้ และจะช่วยทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยไปได้ไกลมากขึ้น

เตรียมนำภาษีหุ้นหารือรัฐบาลใหม่

สำหรับมาตรการภาษีหุ้น ที่ผ่านมาตลาดทุนได้สร้างการภาษีให้กับรัฐได้จำนวนมาก โดยสิ่งที่สำคัญของตลาดทุนคือ การสร้างสภาพคล่อง เพื่อทำให้บริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ สามารถเติบโตขึ้น และจะสร้างเม็ดเงินได้จำนวนมาก จนทำให้มีรายได้ไปช่วยประชาชน โดยตลาดทุน จะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับรัฐบาลใหม่ว่าจะสามารถช่วยในด้านภาษีทางอื่นอย่างไรได้บ้าง

TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ