พนง.สินเชื่อแบงก์ดัง หลอก 2 เพื่อนรัก ชวนลงทุนปล่อยเงินกู้ SME สูญ 20 ล้าน
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2564 นายไวทิต ศิริสุวรรณ ที่ปรึกษาเครือข่ายสหภาพแรงงานธนาคารและสถาบันการเงิน ระบุว่า ข้อเสนอที่พนักงานสินเชื่อธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ใช้ชักชวนเพื่อนสนิทสมัยเรียน 2 คน คือ น้ำผึ้งและกิ๊ก ให้ร่วมลงทุนตามที่ปรากฎเป็นข่าว มีโอกาสเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากในแง่การให้กู้ยืมหรือจัดหาหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อให้ลูกค้า นำไปตกแต่งบัญชี ให้ผ่านหลักเกณฑ์ของธนาคารในการอนุมัตวงเงินกู้ มีขั้นตอนตรวจสอบเข้มงวดและยากที่จะสร้างหลักฐานลักษณะนี้ตบตาธนาคารได้ จึงเชื่อว่า เป็นเพียงข้ออ้างที่พนักงานสินเชื่อธนาคาร ใช้จูงใจเพื่อนทั้ง 2 คน ที่ไม่มีความรู้เรื่องระบบของธนาคารให้นำเงินก้อนโตมาลงทุน
สำหรับเกณฑ์การประเมินลูกค้า SME นายไวทิต ศิริสุวรรณ ที่ปรึกษาเครือข่ายสหภาพแรงงานธนาคารและสถาบันการเงิน ระบุว่า แต่ละธนาคารจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป แต่ประเด็นหลักๆที่ใช้ในการประเมิน คือ วัตถุประสงค์ในการกู้ยืม ความสามารถในการประกอบธุรกิจ ประวัติการเดินบัญชี ซึ่งจะดูย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน - 3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทการกู้ และยอดเงินต้องสัมพันธ์กับธุรกิจ โดยผ่านการประเมินว่ามีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ และไม่มีอะไรการันตีได้ว่าพนักงานสินเชื่อจะทำให้ธนาคารอนุมัติวงเงินกู้ให้ลูกค้าได้
ดังนั้นจึงไม่มีพนักงานสินเชื่อคนไหนกล้าเสี่ยง ที่จะช่วยลูกค้าโดยใช้วิธีที่ผิดกฎหมาย หรือสร้างหลักฐานขึ้นมาตบตาการประเมินสินเชื่อตามขั้นตอนที่ธนาคารแต่ละแห่งวางไว้ เพราะบทลงโทษพนักงานที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คือ การถูกติดแบล็กลิตส์ ไม่สามารถกลับมาทำงานเกี่ยวกับการเงินได้อีก
นอกจากนี้ นายไวทิต ยังเตือนว่าการให้ค่าตอบแทนสูงเป็นดอกเบี้ยวันละ 1% มีความเป็นไปได้ยากมาก ซึ่งเกือบทุกครั้งที่มีอาชญากรรมทางการเงินเกิดขึ้น ก็มักเสนอผลตอบแทนสูง เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลงทุน โดยแกล้งจ่ายจริงในช่วงแรกให้ตายใจ เมื่อคนที่ถูกหลอกเชื่อและรวมลงทุนมากขึ้น คนเหล่านี้ก็จะชิ่งหนี เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นกับ น้ำผึ้ง และ กิ๊ก ที่โดนน.ส.ก เพื่อนสมัยเรียนและเป็นพนักงานสินเชื่อธนาคารดังหลอก
ส่วนข้อมูลที่ผู้เสียหายเปิดเผยว่า รายได้ของพนักงานสินเชื่อคนดังกล่าว ที่นำมาหมุนจ่ายดอกเบี้ยเงินต้น ส่วนหนึ่งมาจากธนาคาร ที่จ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานกรณีช่วยหาลูกค้าตามขั้นตอนปกติ 3% และได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยเงินกู้ Fix ค้ำ จากลูกค้าที่ติดต่อมาทางบริษัทอีกวันละ 2% นายไวทิต เชื่อว่า ทุกธนาคารไม่มีนโยบายระดมทุนหาเงินให้ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าผ่านหลักเกณฑ์ เพราะสุดท้ายแล้วจะนำมาสู่ปัญหาหนี้เสีย และธนาคารก็จะกลายเป็นผู้เสียหายไปด้วย
ขณะเดียวกันทีมข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงจาก น.ส. ก พนักงานสินเชื่อธนาคารดังรายดังกล่าวว่าเรื่องทั้งหมดเป็นไปตามที่ ที่ปรึกษาเครือข่ายสหภาพแรงงานธนาคารและสถาบันการเงิน ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ เบื้องต้นได้รับคำอธิบายว่า ผู้เสียหายที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอทั้ง 2 คน อาจเข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อน โดยลักษณะการลงทุนไม่ใช่การให้ลูกค้ากู้ยืมเพื่อนำไปตกแต่งบัญชี ให้เข้าหลักเกณฑ์ของธนาคาร ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการที่จะทำให้ธนาคารเกิดความเสียหาย ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะชี้แจงผ่านสื่อหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าตอนนี้ทางผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งเธอย้ำว่าพร้อมให้ข้อมูลตามข้อตอนของกระบวนการยุติธรรม