“ครอบครัวหัวร้อน” เข้าขอโทษ ตร.มาบตาพุด ชาวบ้านแห่ขับไล่
แม่สาว 16 แจ้งความลูกชายครอบครัวหัวร้อนข้อหาพรากผู้เยาว์
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะที่ครอบครัวและคนใกล้ชิดของนายพยอม แสงวันดี กับ น.ส.หทัยรัตน์ สมถวิล ไปมีเรื่องมีราวกับชาวบ้านหมู่ 10 ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ถึงขั้นตามพวกกันมา โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์บานปลาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็สร้างความไม่พอใจให้กับคนพื้นที่อย่างมาก โดยคลิปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก อย่าหาทำ V3
ล่าสุดทีมข่าวเดินทางไปพบกับนายทับทิม ซ้ายบุรี ชาวบ้านดอนบม ซึ่งเป็นคู่กรณีของครอบครัวนายพยอม โดยนายทับทิมเล่าว่า เหตุการณ์ในคลิป คืนวันที่ 16 มี.ค. 64 เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เวลานั้นมีคนต่างถิ่นนำขยะในมือขว้างใส่ถังขยะที่อยู่หน้าบ้าน แต่ขยะไม่ลงถัง ซึ่งตนเห็นว่า เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะ เพราะน่าเดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงถังขยะ จึงตักเตือน แต่ก็มีชายคนหนึ่งไม่พอใจ หลังโต้เถียงกับไปพักหนึ่ง ชายคนนี้ก็ได้โทรศัพท์เรียกญาติและคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 30 เมตร ตนจึงรู้ว่านี่คือครอบครัวหัวร้อนที่ตกเป็นข่าวหลายครั้ง ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกับครอบครัวนี้ด้วยตัวเอง และส่วนตัวรู้สึกไม่ชอบที่ฝ่ายตรงโวยวาย ไม่ฟังเหตุผลว่า ฝ่ายตัวเองมีพฤติกรรมโยนขยะ ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม แถมตอนเรียกกันมา ตัวเองยังเห็นมีอาวุธมาด้วย แต่โชคดีที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ
โดยหลังมีปัญหากับนายทับทิม เช้าวันรุ่งขึ้นครอบครัวนายพยอมและภรรยา พร้อมกับครอบครัว รวมถึงคนสนิทที่เดินทางมาทำงานก่อสร้างในพื้นที่ ก็ได้พาไปกันไปร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 เพื่อจะเอาผิดกับนายทับทิม โดยระหว่างไปพบผู้ใหญ่บ้าน ก็ไปมีปัญหากับผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านอีกรอบ
ครอบครัวนายพยอม พยายามขอให้ผู้ใหญ่บ้านเรียกนายทับทิมอกมาเคลียร์ปัญหากัน แต่เมื่อผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ไม่สามารถเรียกตอนนี้ได้ เพราะนายทับทิมไม่อยู่บ้าน ก็ทำให้นายพยอมและภรรยา ไม่พอใจ โดยกล่าวหาว่าผู้ใหญ่บ้านเข้าข้างลูกบ้านของตัวเอง โดยเหตุการณ์นี้คนใกล้ชิดของผู้ใหญ่บ้าน ได้บันทึกคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐานด้วย
ทั้งนี้ทีมข่าวสอบถามรายละเอียดกับนายคมสัน กองเพชร ผู้ใหญ่บ้านดอนบม หมู่ที่ 10 เพิ่มเติมว่าเวลานั้นเกิดอะไรขึ้น ผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า ครอบครัวนายพยอมเดินทางมาร้องเรียน ขอให้ตัวเองจัดการลูกบ้านที่ไปหาเรื่องคนของครอบครัวนายพยอม แต่เมื่อไม่สามารถเรียกตัวมาพบได้ตามความต้องการของทางฝั่งครอบครัวนายพยอม ทางครอบครัวของนายพยอมก็ไม่พอใจ แถมยังขู่ว่า จะถอดจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน และหากกลับมาจากเสร็จงานที่จังหวัดร้อยเอ็ด ครอบครัวนายพยอมจะกลับมาหาตัวเองอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า โดยเบื้องต้นผู้ใหญ่บ้านยืนยันว่า ตัวเองไม่มีนิสัยเข้าข้างลูกบ้าน แต่พยายามหาทางให้ทั้ง 2 ฝ่ายประนีประนอมกัน หากฝั่งของนายพยอมไม่ยอมและจะเอาเรื่อง ก็แนะนำให้ไปแจ้งความ เพราะนอกจากพูดคุยไกล่เกลี่ย ตักเตือนผู้ใหญ่บ้านไม่มีอำนาจมากกว่านั้น โดยผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้
สำหรับครอบครัวของนายพยอม ตระเวรทำงานรับเหมาก่อสร้างทำให้ปรากฏเป็นข่าวว่าไปมีเรื่องกับชาวบ้านและเจ้าหน้ารัฐในหลายพื้นที่ โดยหากย้อนดูวีรกรรมของครอบครัวนี้ก็จะพบว่า มีปัญหากับชาวบ้านและตกเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 9 ครั้ง
ครั้งที่1 ปี 2560 ที่ จ.นนทบุรี พฤติการณ์ นายพยอมขับรถยนต์ปาดหน้าคู่กรณี ก่อนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทริมถนน และพูดต่อหน้าตำรวจว่า “ก็ให้เขาไปแจ้งความ ถ้าผมผิดให้ตำรวจมาจับผม ให้มาล็อกข้อมือผม อย่ามาล้อมตัวไว้อย่างนี้” ขณะที่ฝ่ายภรรยาได้ถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐานด้วย และขู่ว่าจะดำเนินการกับคู่กรณีด้วย
ครั้งที่ 2 ปีเดียวกัน ห่างจากเหตุการณ์ที่ 1 ไม่นาน ก็ไปปรากฏเป็นข่าวที่ จ.สุรินทร์ หลังมีคลิปที่ น.ส.หทัยรัตน์ ฝ่ายภรรยากำลังโต้เถียงกับตำรวจอยู่ โดยกรณีนี้สามี ชี้แจงว่าเข้าไปซื้ออะไหล่ปั๊มน้ำที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ได้มีคนเลี้ยงช้างเดินผ่านมา ขอให้ซื้ออ้อยให้ แต่ปฏิเสธไป เพราะเหลือเงินแค่ 60 บาท จึงบอกไปว่าจะเก็บไว้ซื้อข้าวกิน แต่ภรรยากลับได้ยินคนเลี้ยงช้างพูดตอนเดินสวนไปว่าไม่มี ก็ขอให้ไม่มีตลอดชาติ จึงเกิดความไม่พอใจ ได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบช้าง แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ดำเนินการ ภรรยาจึงได้ต่อว่าเจ้าหน้าที่ซ้ำ
ครั้งที่ 3 เดือดมกราคมปี 2561 ที่จ.ตาก เหตุเกิดที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี จ.ตาก มีการกล่าวหาคู่กรณี ขับรถเหยียบเท้า และเรียกร้องค่าเสียหาย กรณีนี้ฝ่ายนายพยอมสามี อ้างว่า ภรรยาถูกคู่กรณีขับรถเหยียบเท้า แต่คู่กรณีกลับไม่ขอโทษสักคำ ซ้ำยังแสดงความไม่พอใจใส่ จึงเกิดมีปากเสียงกันเกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าไม่มีการเรียกร้องเงินแต่อย่างใด
ครั้งที่ 4 ปี 2561 เช่นกัน ที่ จ.สุโขทัย ครอบครัวนี้ไปมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ บริเวณด่านอำนวยความสะดวกสงกรานต์ และก็กลายเป็นข่าวดังอีก เพราะมีบางช่วงบางตอนในคลิปที่ฝ่ายภรรยา ระบุว่า เรียนจบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกด้วย
ครั้งที่ 5 วันที่10 พฤษภาคม 2561 เกิดขึ้น ที่อำเภอมาบตาพุด จ.ระยอง ครอบครัวนี้ไปจอดรถบริเวณที่ห้ามจอด ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมือง จ. ระยอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่ฝั่งครอบครัวนายพยอมไม่ยอม พร้อมเข้าต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย และชกเข้าที่เบ้าตาเจ้าหน้าที่ 1 นาย จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำดังกล่าวไปทั่วสังคมออนไลน์ และถัดมากลางเดือนพฤษภาคม 2561 ที่จังหวัดระยอง ก็มีพฤติกรรมไปข่มขู่พยานในเหตุการณ์ที่ทะเลาะกับตำรวจเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม
ครั้งที่ 7 ปี2563 ฝ่ายภรรยาคือนางหทัยรัตน์ ไปโวยวาย ถ่ายคลิปชาวบ้านล้อมรถยนต์ในตลาด หลังมีปัญหากับชาวบ้านที่นี่
ครั้งที่ 8 วันที่ 10 มกราคม 2564 เหตุการณ์เกิดขึ้นที่วันลุ่มคงคาราม จังหวัดนนทุบรี นางหทัยรัตน์ไปใช้ปืนปลอมข่มขู่เด็ก ก่อนถูกชาวบ้านล้อมรถไว้
ล่าสุดครั้งที่ 9 เกิดขึ้นที่เมื่อ 24 ก.พ.64 นายพยอมและนางหทัยรัตน์ มีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่เขตดินแดง กรุงเทพฯ เพราะพอใจที่ตำรวจขอตรวจสอบรถที่ครอบครัวนี้ ขนคนงานมา