ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 6 ก.ค. 2564 ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี และวิศวกร ของสภาวิศวกร ได้ร่วมกันแถลงผลการวิเคราะห์สาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมอธิบายอันตรายของสารเคมีตั้งต้นในการผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งคาดว่าเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้
บทเรียนไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว ความเหมือนที่แตกต่างกับไฟไหม้บ่อขยะแพรษา
สาเหตุ “หมิงตี้เคมีคอล” ระเบิดรุนแรง-เตือนระวังสารพิษอันตรายสูง
โดย รศ.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ กรรมการสภาวิศวกร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเคมี อธิบายว่า บริษัทนี้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตเม็ดโฟมพลาสติก EPS และพลาสติกขั้นต้น PS ซึ่งหนึ่งในสารตั้งต้นหลักที่ใช้ในการผลิตพลาสติก คือ สารเคมี เพนเทน (Pentane) ประมาณ 500,000 ลิตร และ RS Resin 1,600 ตัน กำลังการผลิต 30,000 ตันต่อปี ซึ่งถือเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งสารทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นสารอันตรายและไวไฟสูงสุด ระดับ 4 อีกทั้งยังเป็นสารอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมพร้อมกับสาธิตความไวไฟของ สารเคมี ที่ชื่อว่า เพนเทน (Pentane) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นหลักของการผลิตเม็ดพลาสติก และมีความไวไฟสูง ขั้น 4 โดยใช้ไฟแช็คที่กำลังไฟต่ำ ทดสอบความไวไฟ พบว่าเพียงแค่อยู่ใกล้กันเล็กน้อย ก็เกิดเพลิงไหมได้
ขณะที่ รศ.อัญชลีพร วาริทสวัสดิ์ หล่อทองคำ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี สจล. วิเคราะห์ว่าสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ อาจเกิดจาการรั่วไหลของสารเพนเทน ในระบบท่อ ซึ่งหากท่อเกิดการชำรุด และสารเคมีเกิดการเสียดสีกับท่อก็อาจกลายเป็นเหตุเพลิงไหม้รุนแรงได้
ส่วนสภาพพื้นที่ที่แม้ตอนนี้เจ้าหน้าที่จะควบคุมเพลิงให้สงบได้แล้ว แต่ ศ.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร และอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ที่ต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา เพราะยังไม่รู้ว่าโรงงานครอบครองสารเคมีอะไรอีกบ้าง อีกทั้งการทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ยังทำโดยไม่มีแบบแปลน พิมพ์เขียวโรงงาน บ้านเรือนประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งแก้ไขเรื่องนี้
เคลียร์พื้นที่ รอส่งพฐ.เก็บหลักฐานไฟไหม้ "หมิงตี้ เคมีคอล" หาเหตุบึ้ม เปิดคำให้การนาทีเกิดเหตุ
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว ยังคุมเพลิงไม่ได้