บทเรียนไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว ความเหมือนที่แตกต่างกับไฟไหม้บ่อขยะแพรษา
เปิดใจทีมโดรน NOVY สี่หนุ่มวิศวกรช่วยหาวาล์วปิดถังสารเคมี
ทีมโดรนยังบอกกับเราว่า ความร้อนในช่วงหัวค่ำของเมื่อวาน สูง 900-1,000 องศาเซลเซียล แต่แม้ว่าโดรนจะไม่สามารถหาจุดต้นเพลิงได้ แต่ภาพจากโดรนสามารถบอกได้ว่า จะเข้าไปที่หัวจ่ายสารเคมี หรือ วาล์ว ได้อย่างไร ซึ่งภารกิจการบินทำให้ทีมดับเพลิงสามารถปิดวาล์วก๊าซได้สำเร็จ
นายเลอพงศ์ สวนสังข์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังเรื่องภารกิจที่ทำ
โดยบอกว่า การระดมฉีดน้ำและโฟมในช่วงแรก ใช้ชุดดับเพลิงประมาณ 100 คน ควบคุมไฟให้เหลือประมาณ 20% จากนั้น ส่งชุดดับเพลิง 15 คน เข้าพื้นที่ไปที่แท้งค์เคมี เพื่อปิดวาล์ว จากนั้นสถานการณ์ดีขึ้น จนสามารถดับไฟ โดยตำแหน่งของวาล์วแท้งค์เคมีจะอยู่ที่ฐานของแท้งค์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปีนข้ามกำแพงที่รอบแท้งค์เอาไว้เพื่อปิดวาล์ว
ทีมข่าว PPTV พูดคุยเพิ่มเติมกับทีมกู้ภัย ระบุว่า หลังไฟดับลงตอนเที่ยงคืน ถัดจากนั้นไม่ถึง 30 นาที ไฟปะทุซ้ำอีก ทั้งที่ปิดวาล์วแท้งค์เคมีแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังซ้ำ และ เร่งควบคุมไฟไม่ให้ลุกลาม ในช่วงนั้นมีอาสากู้ภัย เจ้าหน้าที่ดับเพลิง บางส่วนกำลังจะถอนออกจากพื้นที่ และจากช่วงดังกล่าวใช้เวลารวมอีก 2-3 ชั่วโมง จึงสามารถดับไฟได้
ประเด็นนี้ นายเลอพงศ์ บอกว่า เป็นเพราะสารเคมีตกค้างในพื้นที่จำนวนมากทำให้การไฟประทุซ้ำขึ้นมาอีก และทำให้การควบคุมสถานการณ์ยากลำบาก
ทั้งนี้ ทีมข่าว PPTV พูดคุยกับ นายฝันเด่น จรรยาธนากร อาสากู้ภัยใจถึงใจ เล่าว่าตอนที่ไฟทะลุซ้ำขึ้นมา ทำให้คาดการณ์ว่า ท่อส่งสารเคมีไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ เพราะ หากอยู่ในสภาพสมบูรณ์เมื่อปิดวาล์วแล้วสถานการณ์จะต้องยุติ พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าแท้งค์เคมีที่มีวาล์ว ก็เหมือนกับแท้งค์น้ำในบ้านคน คือ หากเราจะซ่อมแซ่มแท้งค์น้ำเราต้องปิดวาล์วน้ำก่อน หากไม่ปิดน้ำจะท่วม แต่หากเราปิดวาล์วแล้ว น้ำยังไหลออกมา ก็สะท้อนว่า ท่อจ่ายน้ำมีปัญหาทำให้น้ำไหลออกมาทั่วพื้นที่ ในกรณีนี้ก็เช่นกัน เมื่อปิดวาล์วสารเคมีแล้ว ยังมีการปะทุของไฟอีก สะท้อนว่า สารเคมีกระจายไปทั่วพื้นที่แล้ว
ปัจจัยที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ ตามหลักการตั้งมี 3 องค์ประกอบ คือ เชื้อเพลิง ออกซิเจน และ ประกายไฟ ถ้าขาดองค์ประกอบใดไปก็จะไม่เกิดไฟไหม้ เหตุที่เกิดขี้น เชื้อเพลิงกระจายไปทั่วพื้นที่ อยู่ในพื้นที่เปิด มีออกซิเจน ดังนั้นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำได้ คือ ทำให้ประกายไฟหมดไป และ เฝ้าระวังไม่ให้เกิดประกายไฟอีก // โดยจนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ ยังฉีดน้ำสลับกับโฟมเพื่อรักษาอุณหภูมิในพื้นที่อยู่
สำหรับภารกิจดับไฟกินเวลานานกว่า 25 ชั่วโมง ขณะที่สารเคมีทั้งหมด เป็นสารเคมีอันตราย ทำให้แม้ว่าจะสามารถดับไฟได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดค่าสิ่งปนเปื้อนในอากาศรอบโรงงาน พบว่า ในรัศมี 1 กิโลเมตร มีการระเหยของสารเคมีในอากาศเกินค่ามาตรฐาน รวมถึงตรวจพบ สารสไตรีนและฟอเมอรีไฮต์ ซึ่ง สารฟอเมอรีไฮต์ เป็นแก๊สพิษที่หากสูดดมเข้าไปจะทำปฏิกิริยาจับตัวกับฮีโมโกบินในเม็ดเลือดแดงแทนออกซิเจน ซึ่งอาจทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ จะเกิดอาการ เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบหรืออาการรุนแรงถึงขั้นเป็นสารก่อมะเร็งได้ หมดสติและเสียชีวิตได้