ถอดรหัสปากคำ “ผู้กำกับโจ้” เดินเกมสู้คดี


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ปากคำจากการแถลงข่าวครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งเดียว หลังตกเป็นผู้ต้องหาของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสววรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ เมื่อคืนนี้ มีประเด็นที่ถูกพูดถึงต่อเนื่อง โดยเฉพาะคำให้การที่มีผลต่อข้อกฎหมายและบทลงโทษที่จะได้รับ

ทีมข่าวพีพีทีวีพูดคุยกับนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผู้ตรวจการอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด พบว่าความน่าสนใจคือ คำให้การของผู้กำกับโจ้ มีลักษณะยอมรับบางอย่างและปฏิเสธบางอย่าง ภาษากฎหมายเรียกว่า“ให้การภาคเสธ”โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่พูดในลักษณะยังไม่เชื่อว่า การตายของผู้ต้องหา มาจากใช้ถุง 6 ชั้นคลุมหัว

คำตอบนี้ของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” มีความหมายชัดเจนว่า เขายอมรับกับพฤติกรรมใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหา ที่มีภาพวงจรปิดเป็นหลักฐานชัดเจน 

คำถาม - คำตอบสุดพีค จากปาก "ผู้กำกับโจ้" ธิติสรรค์ อุทธนผล สารภาพความจริง หรือ ข้ออ้างสู้คดี!!

"ผู้กำกับโจ้" เกมแล้ว กดดันหนักขอมอบตัว ก่อนถูกจับ "บิ๊กใหม่" บินด่วนสอบปากคำ

แต่ยังขอพิสูจน์ว่า สาเหตุการตายของผู้ต้องหามาจากการกระทำของตัวเองกับลูกน้อง หรือ การเสพยาเกินขนาด ที่อ้างว่า ได้ข้อมูลมาจากแฟนของผู้ต้องหา  

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผู้ตรวจการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ให้ความเห็นว่า คำให้การของผู้กำกับโจ้ลักษณะนี้ ในภาษากฎหมายเรียกว่า “ให้การภาคเสธ” คือการแบ่งรับแบ่งสู้ ยอมรับบางอย่างและปฏิเสธบางอย่าง  โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การระบุว่า ตัวเองไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ต้องหา เพราะตามประมวลกฎหมายอาญามีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหลายมาตรา และแต่ละมาตรามีโทษความผิดแตกต่างกันตามเจตนาและพฤติกรรม    

อย่างเช่น มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุกตั้งแต่ 15ปี ถึง 20ปี 

มาตรา 289 การฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน ทารุณ โหดร้าย มีโทษประหารชีวิต

มาตรา 290  ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุก 3 -15 ปี  แต่ถ้ามีพฤติกรรมทรมานทารุณเข้าข่าย มาตรา 289 ให้ระวางโทษจำคุก 3-20 ปี

และมาตรา  291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี  และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท   

หากดูจากคำให้การของผู้กำกับโจ้ ที่ระบว่าไม่ได้มีเจตนา แต่มีกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาก่อนเสียชีวิตนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผู้ตรวจการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เชื่อว่า ผู้กำกับโจ้ และทนายความ คงต้องการให้ข้อหาอยู่ในกรอบของมาตรา 290 แต่ในทางปฏิบัติยังต้องดูพยานหลักฐานในสำนวนคดีประกอบ ซึ่งยังเชื่อมั่นว่า คดีที่นายตำรวจระดับสูงลงมือเอง อย่างเช่นคดีนี้ จะไม่มีมวยล้มต้มคนดู เพราะเดิมพันสูง  

ส่วนอีกประเด็นที่น่าสนใจ เพราะจะเกี่ยวข้องกับการเอาผิดตำรวจอีกอย่างน้อย 6 นาย ที่ถูกหมายจับล็อตแรกร่วมกับผู้กำกับโจ้ คือ คำให้การที่ผู้กำกับโจ้ ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้สั่งการแต่เพียงคนเดียว และลูกน้องได้ห้ามแล้ว จึงขอรับผิดชอบความผิดแต่เพียงคนเดียว ซึ่งสอดรับคำทิศทางที่ลูกน้องผู้กำกับโจ้ทุกคนที่ตกเป็นผู้ต้องหาให้การกับพนักงานสอบสวน    

เผยภาพ "ผู้กำกับโจ้" ผบ.ตร. กำลังสอบปากคำ ที่กองปราบปราม

แม้เรื่องนี้จะมีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 67 รองรับว่า ผู้ใดกระทำความผิดในภาพที่ถูกบังคับ ภายใต้อำนาจ ไม่สามารถหลีกเลี่ยง ขัดขืนได้  ถ้าไม่เป็นการเกินสมควร ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ  แต่เรื่องนี้ ผู้ตรวจการอัยการเชื่อว่า ในทางปฏิบัติยังต้องต่อสู้กันในรายละเอียดของพฤติกรรมและข้อเท็จจริงแต่ละคน

ไม่เพียงคำให้การที่อาจจะบ่งบอกถึงแนวทางการต่อสู้คดีของผู้กำกับโจ้ แต่ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ ยังมีหลายประเด็นที่ผู้ตรวจการอัยการมองว่า อาจส่งผลให้ผู้กำกับโจ้ ถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมได้ ถ้าหากมีข้อเท็จจริงเพียงพอ เช่น การสั่งถอดกล้องวงจรปิด , การให้ข้อมูลกับแพทย์เพื่อทำใบรับรองการตายให้เป็นประโยชน์กับตัวเองและพวก  , และป.วิอาญาฯที่กำหนดเรื่องการทำบันทึกการจับกุมที่ผู้กำกับโจ้ ไม่ได้ทำ ทั้งหมดล้วนสุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

นอกจากประเด็นเหล่านี้ ยังมีข้อกล่าวหาเรื่องการรีดเงิน ที่ต้องไปพิสูจน์จากหลักฐานและข้อเท็จจริงในทางคดี ซึ่งตามขั้นตอนการเอาผิดและทำให้คดีนี้คลี่คลาย โปร่งใส และตอบได้ทุกคำถาม ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น  

"ดีเอสไอ" ตรวจสอบพบ ลัมโบร์กีนี 46 ล้าน ของ "ผู้กำกับโจ้" โยงคดีรถหรู

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ