หากเดินออกจาก ห้องทำงานชุดปราบปราบยาเสพติด 05 สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือที่เรียกกันว่า “บ้านกาแฟ” จะเห็นว่า หน้าห้อง จุดที่เคยติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ 3 จุด แต่ตอนนี้กล้องถูกถอดออกทั้งหมด มีแค่ร่องรอยการม้วนเก็บสายไฟริมผนังข้างห้องใกล้เพดานและ หากเดินออกมาจากจุดเกิดเหตุ ไปที่ อาคารหลักของสภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องทำงานผู้กำกับโจ้ ที่อยู่ชั้น 3 จะพบว่ามีกล้องติดรอบอาคาร 6 ตัว ทิศทางการหันกล้องต้องสามารถจับภาพได้หากมีการเดินเข้าออกอาคารหลัก
คำถาม - คำตอบสุดพีค จากปาก "ผู้กำกับโจ้" ธิติสรรค์ อุทธนผล สารภาพความจริง หรือ ข้ออ้างสู้คดี!!
เตรียมเรียกแพทย์สอบคดี “ผู้กำกับโจ้”คลุมถุงผู้ต้องหา
ทีมข่าวสอบถามตำรวจที่ทำงานใน สภ.เมืองนครสวรรค์ มาหลายปี บอกว่า ไม่เคยรู้ว่าในบ้านกาแฟมีการติดกล้องวงจรปิด จนกระทั่งมีข่าวว่าผู้กำกับโจ้สั่งถอดกล้อง เพราะเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดอาคารหลักไม่มีภาพวงจรปิดของบ้านกาแฟ และคนที่เข้าออกบ้านกาแฟได้ก็มีแต่ชุดปราบปรามยาเสพติด 05 และผู้กำกับโจ้ รวมถึงตำรวจชุด 05 ก็จะไม่คอยเข้ามาที่อาคารหลักของ สภ.เมืองนครสวรรค์ จะเข้ามาเฉพาะเวลาที่ต้องนำผู้ต้องหามาคุมขังในห้องควบคุมตัวเท่านั้น
แม้ว่าก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแถลงข่าวยืนยันว่าตำรวจมีคลิปวีดีโอเต็มที่เห็นเหตุการณ์ในห้องเค้นสอบ ก่อน และ หลัง จากเหตุการณ์ในคลิปที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชน แต่ตำรวจชุดทำคดี เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า ยังมีภาพวงจรปิดจากกล้องตัวอื่น ๆ บริเวณใกล้เคียงบ้านกาแฟ ซึ่งถูก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ สั่งลูกน้องถอดออกไป ตำรวจยังไม่พบและจะต้องเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาในเรือนจำเพิ่ม
ข้อสังเกตที่น่าสนใจจากสังคม คือ พฤติกรรมของผู้กำกับโจ้ เข้าข่ายเตรียมการล่วงหน้า เจตนา หรือไม่ ในอดีตมีคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ถุงดำคลุมหัว ว่าเข้าข่ายเจตนาฆ่า ดังนั้นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในวันนั้น จึงเป็นหลักฐานสำคัญ โดยเฉพาะ กล้องวงจรปิด หากไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนและหลังได้ชัดเจน พยานหลักฐานก็จะแน่นหนามาขึ้น
หากมีหลักฐานที่แน่นหนา การที่ผู้กำกับโจ้กลับคำให้การในชั้นสอบสวน “ปฏิเสธข้อกล่าวหา” ก็อาจไม่มีน้ำหนักมากพอ
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการแจ้งข้อหาบุคคลอื่นเพิ่มเติม ตอนนี้ ตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ยังไม่พบว่ามีผู้กระทำผิดเพิ่มเติม เนื่องจากมีหลักฐานว่าตำรวจชุดปราบปราบยาเสพติด 05 จำนวน 10 กว่านาย ที่ไปล่อซื้อยาเสพติดจากนายจิระพงค์ ธนะพัฒน์ หรือ “มาวิน” คืนก่อนเกิดเหตุ ทำถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะที่ภาพรวมการทำงานของตำรวจวันนี้ พบว่า ตำรวจกองปราบบางส่วนถอนกำลังกลับกรุงเทพฯแล้ว มีรายงานว่านำหลักฐานและสำนวนไปดำเนินการต่อ ขณะที่ อีกส่วนหนึ่งยังเดินหน้าเก็บหลักฐานในพื้นที่ คาดว่า สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนเรื่องคดีมากขึ้น เพราะผลชันสูตรฉบับเต็มของนายมาวิน น่าจะออกในสัปดาห์หน้า โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ มีรายงานว่าตำรวจทยอยเชิญแพทย์ และเจ้าหน้าที่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ มาให้ปากคำเพิ่มเติม