สาวร่ำไห้ ถูกหลอกไปขายบริการที่ดูไบวอนช่วย
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความรู้สึกอัดอั้นของหญิงวัย 26 ปี ที่บอกว่าตอนนี้รู้สึกกลัวมาก อยากกลับบ้าน หลังถูกหลอกให้มาทำงานขายบริการ ที่นครัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
หญิงสาวระบุว่า “ช่วยด้วยค่ะหนูอยากกลับบ้าน หนูพูดภาษาไม่เป็นเลยหนูอยากกลับบ้านหนูคิดถึงพ่อกับแม่กับลูกหนู หนูไม่รู้จะพูดยังไง แม่หนูก็จนไม่มีตังค์ แม่หนูก็จนไม่มีเลย ช่วยหนูด้วยนะคะ ช่วยหนูด้วย หนูเข็ดแล้ว”
ทีมข่าวติดต่อเธอผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเธอก็ต้องแอบคุยกับทีมข่าวในช่วงที่คนอื่นกำลังหลับ เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย โดยเล่าว่า รู้จักกับนายหน้าที่หางานให้ตั้งแต่ต้นปีก่อนผ่านเฟซบุ๊ก แต่เพิ่งนัดคุยรายละเอียดเมื่อ 15 กันยายน นายหน้าอ้างว่า เป็นงานนวดในโรงแรม ซึ่งต้องการหญิงสาวอายุระหว่าง 25-35 ปี และจะมีรายได้ 3-4 หมื่นบาทต่อเดือ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมคือบัตรประชาชน และพาสปอร์ต ที่สำคัญไม่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าเดินทางก่อน ทำให้เธอและเพื่อนคนไทยอีก 3 คน ตัดสินใจขึ้นเครื่องบินมาทันทีในวันที่ 16 กันยายน แต่เมื่อมาถึงที่สนามบิน คนที่มารับเธอไปโรงแรม บอกว่างานที่เธอต้องทำคือการขายบริการ โดยนายจ้างจะยึดพาสปอร์ตไว้ และให้ทำงานใช้หนี้แทน โดยจะให้เธอรับแขกวันละ 4-5 คน //เริ่มงานตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 03.00 น. ซึ่งเธอพยายามบ่ายเบี่ยง ทำให้นายจ้างไม่พอใจ ตอนนี้เธอกลัวมากและอยากกลับบ้าน แต่ก็ไม่รู้จะติดต่อใคร
ก่อนหน้านี้เคยแชทถามนายหน้า ก็บอกว่าหากติดต่อสถานทูตก็จะถูกดำเนินคดี เพราะใช้วีซ่าท่องเที่ยวมาทำงานผิดกฎหมาย ต้องติดคุก 6 เดือน และเสียเงิน 50,000 บาท จึงจะได้กลับไทย แต่หากจ่ายเงิน 73,000 บาท ให้นายหน้าก็จะประสานให้กลับได้ทันที หากไม่อยากขายบริการ ก็จะหาคนมาซื้อตัวเธอต่อ เพื่อให้ไปทำงานร้านนวดที่อื่น
“หนูก็รู้อยู่ว่ามันมามันต้องเจออะไรแบบไหน แต่พอมาจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่อ่ะพี่ มันต้องขนาดไหนกว่าจะได้ตังค์ มันต้องขนาดไหนอ่ะพี่ มาตั้งแต่วันที่ 16 ถูกไหม แล้วเราก็รับงานยาว จนถึงวันนี้เลยไหม หนูไม่ทำงานก็เหมือนเขาไม่พอใจ เขาก็จะขายหนูให้ร้านอื่น หนูก็ไม่รู้อะไรเลย แต่การไปทำงานของเรานี่คือการไปถูกกฎหมายไหม มีการผ่าน ตม. มีการใช้เอกสารถูกต้องใช่ไหม ค่ะ มาถูกต้องค่ะ แล้วก็มาท่องเที่ยวอะไรประมาณนี้” หญิงสาว กล่าว
ขณะที่นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าล่าสุดหญิงสาวรายนี้กำลังเดินทางไปที่สถานกงสุลใหญ่ที่ดูไบ หลังเจ้าหน้าที่ประสานช่วยเหลือ ซึ่งจะมีหลายหน่วยงานในการช่วยเหลือกรณีคนไทยถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับ และหาโรงแรมเพื่อเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือ
โดยหญิงสาวรายนี้จะไม่ถือเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย แต่จะเป็นผู้เสียหายซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามหาคนที่นำพาหญิงสาวรายนี้ไป ซึ่งอาจเป็นการกระทำเข้าข่ายค้ามนุษย์ และส่งให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ ได้ช่วยเหลือบุคคลที่ถูกหลอกไปทำงาน โดยผิดกฎหมายหลายกรณี ซึ่งประเทศที่มีคนถูกหลอกไปมากที่สุดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะนครรัฐดูไบ และตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศฝั่งทวีปเอเซีย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนติดต่อหางานผ่านกระทรวงแรงงาน หรือผ่านเอเย่นต์ที่ได้รับการรองรับจากหน่วยงาน และให้สังเกตกรณีงานที่ไม่มีค่าใช้จ่ายหรืออ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทนสูงจนผิดสังเกต
ด้านพล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า กรณีนี้ได้ประสานกับหลายหน่วยงานเพื่อค้นหาพิกัดก่อนช่วยเหลือหญิงสาวรายนี้ ส่วนทางคดีก็ต้องขยายผลจับกุมนายหน้าผู้โพสต์พาหญิงสาวไปทำงานซึ่งเข้าข่ายคดีค้ามนุษย์ โดยเมื่อหญิงสาวผู้เสียหายรายนี้กลับมาจะต้องมีการสอบปากคำเป็นหลักฐาน
"ถูกต้องครับก็มี 2 ส่วน ส่วนไปอยู่ทางด้านโน้น ดำเนินการแล้วเราถูกหลอกไป แต่ส่วนด้านนี้ มีคนชักจูงหรือว่า คนที่ชี้ชวนมีหมายเลขโทรศัพท์หรือว่า อะไรที่เราตามต่อได้ถ้าเกิดว่าเข้าข่ายฐานความผิดของการค้ามนุษย์หรือดำเนินการในลักษณะหลอกลวงให้ไปทำงานต่างประเทศจะมีข้อกล่าวหาของเขาอยู่ก็คงต้องดำเนินคดีในส่วนคนที่เกี่ยวข้องเนี่ยทุกราย" พล.ต.ต.อาชยน กล่าว
พล.ต.ต.อาชยน กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ตม. ได้ทำข้อมูลบุคคลเข้าออก ตม. ไว้โดยจะเฝ้าระวังกลุ่มหญิงสาวที่อายุ 20-35 ปี ที่เดินทางไปดูไบ เพราะส่วนใหญ่ จะไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และมักจะถูกหลอกไปทำงานขายบริการ ซึ่งในอดีตแต่ละเดือนมีผู้ถูกหลอกไปทำงานนับร้อยคน