วันนี้ 23 ก.ย. 2564 น.ส.กมลวรรณ ปิ่นทองพันธุ์ หรือ “ซ้อปลา” พร้อมด้วยสามีและทีมทนายความ ได้เข้ายื่นหนังสือกับ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ระหว่างลงพื้นที่สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบและติดตามการทำงานของตำรวจและเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้
แม่ค้าออนไลน์ ร้องชายอ้างตร.ยึดเงิน10ล้าน
สั่งย้าย ตร. 3 นายเรียกรับเงินแม่ค้าขายอาหารทะเล
นายสิระ ได้สอบถามเหตุการณ์จากนางสาวกมลวรรณ พร้อมกับโทรศัพท์สายตรงไปยัง พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ทันที เบื้องต้นรายงานว่าเรื่องนี้ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมกับนัดหมายให้น.ส.กมลวรรณ เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และเตรียมลงพื้นที่ไปตรวจสอบเซฟเฮ้าของตำรวจชุดสืบสวนขณะถูกควบคุม
นายสิระ ระบุว่า หลังจากนี้จะเชิญผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปพบกับคณะกรรมาธิการทั้ง 2 คณะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและบังคับสูญหาย โดยจะนำกรณีนี้เป็นเคสเริ่มต้นของร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว
ในขณะที่ น.ส.กมลวรรณ หรือซ้อปลา ยืนยันว่า ถูกตำรวจชุดสืบสวนชุดนี้รีดเงินไปจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวจริง และยินดีที่จะให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด โดยอ้างว่าได้มาจากการประกอบอาชีพโดยสุจริต
สำหรับธุรกิจของ “ซ้อปลา มาดามลูกเหนียง” พบว่ามีการประกอบกิจการหลายอย่าง ทั้งการส่งออกเรือประมง การผลิตและจำหน่ายครีมบำรุงผิว และธุรกิจออมทอง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนและมีทรัพย์สินรวมมูลค่าหลัก 10 ล้านบาท
ด้านนายไกรสร ชูเพชร ทนายความ เปิดเผยว่า ประเด็นหลักที่มายื่นหนังสือผ่านนายสิระ เพื่อต้องการให้มีการสอบสวนเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่าถูกชุดสืบสวนจับกุมตัวไปจริง จึงขอเรียกร้องให้ตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตรวจสอบกรณีตำรวจอ้างเป็นชุดปฏิบัติการของ จ.สงขลา บุกอุ้มแม่ค้าออนไลน์ เรียกรับเงิน 5 ล้านบาท และกรณี ตชด.บุกค้นบ้านพักผู้เสียหายที่ จ.เชียงราย และเรียกเงิน 3แสนบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี โดยทั้งสองกรณีจะต้องรายงานผลข้อเท็จจริงให้ทราบผลภายใน 7 วัน
เบื้องต้นทราบว่ากรณีที่ จ.สงขลานั้น มีการอ้างตัวว่าเป็นตำรวจของกองกำกับการสืบสวนภูธร จังหวัดสงขลา ตามที่ผู้ร้องเรียนได้นำคลิปและเอกสารมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่วนอีกกรณีพบว่าเป็นตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นการตรวจค้นของกองร้อยตระเวนชายแดน 327 โดยทั้งสองกรณี จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อให้ปรากฎข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตามการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและผู้ร้องเรียน แต่หากพบว่ามีการอุ้มเรียกเงินจริงก็จะดำเนินอาญาอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีการกำชับเจ้าหน้าที่แล้วว่าการตรวจค้นผู้ต้องสงสัยโดยเฉพาะในเคหะสถานหรือยานพาหนะ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ป.วิอาญา โดยเคร่งครัด และต้องปรากฎภาพหลักฐานการทำงานเพื่อแสดงต่อผู้ถูกตรวจค้นอย่างโปร่ง และไม่ให้เกิดข้อครหาในสังคมได้