ยกเลิกภารกิจกู้ซากเรือ จ่อเปิดเส้นทางน้ำ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จุดที่เกิดเหตุเรือล่ม ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมายังไม่มีการเริ่มภารกิจกู้ซากเรือ เนื่องจากมีรายงานว่าพบร่างผู้สูญหายแล้ว แต่ขณะเดียวกันทางกรมเจ้าท่าได้ส่งเจ้าหน้าไปสแกนใต้ท้องน้ำเพื่อประเมินความอันตราย ว่าจะสามารถเปิดเส้นทางน้ำให้เรือสัญจรผ่านได้ตามปกติหรือไม่

เจ้าหน้าที่สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า นำเครื่องสแกนท้องน้ำ หรือ "เอคโค ซาวเดอร์" ลงเรือลากจูงเพื่อตรวจวัดท้องน้ำ บริเวณจุดน้ำวนที่เรือล่ม ก่อนประเมินว่าจะสามารถเปิดเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ได้ตามปกติหรือไม่  ด้านนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องเปิดการจราจรทางน้ำโดยเร็วที่สุด เพราะการกู้เรือประเมินแล้วคงไม่สามารถทำได้ 

 

วางแผนเตรียมพลิกเรือฟินิกซ์เพื่อค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่อาจติดอยู่ใต้เรือ

เตรียมตรวจโครงสร้าง “เรือฟินิกซ์” คาดต่อเรือไม่ได้มาตรฐาน

 

เนื่องจากเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อนักดำน้ำ เพราะกระแสน้ำวนที่ท้องน้ำไหลแรงที่ความเร็ว 28 กิโลเมตร./ชั่วโมง แม้จะใช้เรือลากจูงถึง 7 ลำ ก็ยังไม่สามารถทำได้

สำหรับภารกิจกู้ซากเรือในครั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าจุดที่ซากเรือจมอับปางอยู่ใต้ผิวน้ำที่มีความลึกประมาณ 17 เมตร และยังขยับห่างจากจุดเดิมไปทางบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก เป็นระยะทางประมาณ5 เมตร ซึ่งเกิดจากการลากจูงในภารกิจกู้ซากเรือขึ้นมา สำหรับเรือที่ใช้สัญจรขนส่งสินค้า โดยทั่วไปแล้วจะกินน้ำลึกประมาณ 4-5 เมตร ยังมีพื้นที่ว่างที่ท้องเรือขนส่งกับเรือที่ล่มห่างกันอยู่ราว 10 เมตร จึงไม่มีอันตรายต่อการเดินเรือ และจะเริ่มเปิดทางวันนี้เลย เพราะมีมูลค่าความเสียหายจากการขนส่งทางเรือที่หยุดไป 4 วัน มากกว่า 30 ล้านบาทแล้ว

ขณะเดียวกันทีมข่าวพีพีทีวี ได้สอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัย ถึงสาเหตุที่ว่าทำไมต้องเร่งกู้ซากเรือทั้งๆที่มันจมอยู่ใต้น้ำ โดยทีมงานได้รับคำตอบว่า เส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก มีเรือพาณิยช์สัญจรผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือขนสินค้า และเรือแต่ละลำมีขนาดแตกต่างกันไป

หากเป็นเรือขนาดเล็ก ใต้ท้องเรือจะกินน้ำลึกประมาณ 10เมตร  หรือหากเป็นเรือขนาดใหญ่ ใต้ท้องเรือจะกินน้ำลึกประมาณ 17เมตร และยังขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าบนเรือด้วยว่ามีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นการที่มีซากเรือลำใหญ่อยู่ใต้น้ำจึงมีความเสียที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางเรือ จนอาจถึงขั้นเรือล่มได้

อย่างไรก็ตามหลังพบศพผู้สูญหายแล้ว จะต้องมีการหารือกันใหม่และประเมินว่าอาจจะต้องยุติภารกิจ เพราะ กระแสน้ำไหลเชี่ยว โดยเฉพาะเขื่อนป่าสักปล่อยเพิ่มขึ้น ส่วนแผนการกู้เรือ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ระบุว่า อาจต้องรอให้กระแสในแม่น้ำป่าสัก ลดความแรงลงเหลือ 4-5 น็อต หรือประมาณ 9 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ในระดับการไหลปกติของแม่น้ำ ถึงจะเริ่มภารกิจการกู้เรืออีกครั้ง

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ