ใบประกาศตามหาบุคคลในภาพ จากแก๊งทวงหนีนอกระบบ ซึ่งเป็นภาพของหญิงรายหนึ่ง ในพื้นที่ จ.สกลนคร พร้อมข้อความระบุว่า หากใครพบเบาะแสหรือพบตัวมีรางวัลให้ 1 หมื่นบาท
ผู้เสียหายรายนี้ เป็นเด็กนักเรียน อายุ 19 ปี ซึ่งนายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ได้พาเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีถูกข่มขู่ทวงหนี้จากแก๊งเงินกู้นอกระบบ ได้ออกเงินกู้นอกระบบให้นักเรียนคนดังกล่าว
เปิดใจ ลูกหนี้เจ๊ปากแดง ไม่กล้าเดินถนน
ยายวัย 78 ปีแจ้งความถูกแก๊งเงินกู้กักขังในบ้าน
ผู้เสียหายเล่าว่า ตนเริ่มกู้เงินจากเจ้าหนี้รายแรกเป็นเงิน 5,000 บาท โดยนำเงินไปลงทุนซื้อเนื้อหมูไปจำหน่ายเพื่อหารายได้พิเศษในช่วงโควิดให้กับครอบครัว แต่ถูกเก็บอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20-30 และเป็นการคิดดอกเบี้ยรายวัน เช่น กำหนดชำระคืนภายใน 3 วัน ต้องนำมาคืนทั้งเงินต้นและดอก แต่ตนเองไม่มีเงินก้อนนำมาคืนให้ตามวันที่นัดหมาย
ต่อมาเจ้าหนี้ได้แนะนำให้ไปกู้เจ้าหนี้รายอื่นๆเพื่อนำเงินมาปิดหนี้เจ้าแรก ซึ่งแต่ละเจ้าจะคิดดอกเบี้ยแพงขึ้นเรื่อยๆ เช่น เจ้าแรกดอกเบี้ยร้อยละ 20 เจ้าที่สองดอกเบี้ยร้อยละ 25 เจ้าที่สามดอกเบี้ยร้อยละ 30 แต่ก็จะได้เงินต้นในยอดที่สูงตามไปด้วย
จากนั้นตนได้ไปยืมเงินเจ้าอื่นๆเพื่อนำไปหมุนคืนเจ้าแรก หมุนไปหมุนมากลายเป็นหนี้รวมทั้งหมด 10 เจ้า ยอดรวมกลายเป็นหนี้ประมาณ 1 ล้าน 9 แสนบาท ภายในระยะเวลาแค่ 5 เดือน
นอกจากนี้ยังถูกเจ้าหนี้ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย จนต้องขอความช่วยเหลือจากแม่ ซึ่งทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ จากการสอบสวนพบว่า เจ้าหนี้เป็นลูกตำรวจในพื้นที่ จ.สกลนคร และอาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยมีการประกาศตามหาตัว ตั้งค่าหัวเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมกับถูกข่มขู่จนไม่กล้ากลับไปเรียนหนังสืออีกด้วย
ด้านแม่ของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวบอกว่ามีคนมาติดตามทวงหนี้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน บางรายมีลักษณะการข่มขู่ว่าจะเอาชีวิตหากพบหน้าหรือเดินทางไปเรียนหนังสือ จึงพยายามโทรไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้แต่ละคน แต่เจ้าหนี้ทั้งหมดก็ไม่ยอมรับการชำระหนี้แบบรายงวดเพราะไม่เชื่อว่าทางครอบครัวจะคืนเงินได้ทั้งหมด จึงต้องการให้จ่ายหนี้เป็นก้อน ทั้งเงินต้นเงินดอกทั้งหมดพร้อมกันทีเดียว จนเวลาล่วงเลยไปยอดก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากนายสนธิญา โดยตนเองยินดีประนอมหนี้และชดใช้เงินให้เจ้าหนี้ทุกราย แต่ขอโอกาสให้ลูกได้กลับไปเรียนหนังสือได้อย่างปลอดภัย
ด้านนายสนธิญา บอกว่า ในวันที่ 4 พ.ย. จะพาครอบครัวผู้เสียหาย เข้าขอความช่วยเหลือจาก นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี อีกทางหนึ่งด้วย เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ได้รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับจะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ เพื่อหาทางช่วยประสานงานกับเจ้าหนี้ทั้ง 10 ราย ในการประนอมหนี้และชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ตามอัตราที่กฎหมายกำหนดต่อไป