พบ ตร.จับการบูรเคยอุ้มรีดค่าไถ่หนุ่มลพบุรี


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อมูล ว่า คดีตำรวจจับการบูรในพื้นที่สภ.สำโรงเหนือ ที่เป็นข่าวดังในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีชื่อของนายตำรวจ 1 คน ไปเหมือนกับ ชื่อ นายตำรวจที่เคยก่อคดีเรียกรีดเงินเมื่อปี 2562 ซึ่งคดีนั้น มีการระบุว่า นายตำรวจคนนี้ถูกให้ออกจากราชการ ทำให้มีการตั้งคำถามว่า ผ่านมา 2 ปี ทำไมตำรวจคนนี้อยู่ในราชการ สังกัดเดิม

ในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลว่าคดีตำรวจจับการบูรในพื้นที่สภ.สำโรงเหนือ ที่เป็นข่าวดังในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีชื่อของนายตำรวจ 1 คน ไปเหมือนกับ ชื่อนายตำรวจที่เคยก่อคดีเรียกรีดเงินเมื่อปี 2562 ซึ่งคดีนั้น มีการระบุว่า นายตำรวจคนนี้ถูกให้ออกจากราชการ ทำให้มีการตั้งคำถามว่า ผ่านมา 2 ปี ทำไมตำรวจคนนี้อยู่ในราชการ สังกัดเดิม

ชื่อของนายตำรวจ 4 นายที่เป็นประเด็นเรื่องการค้นรถยนต์ของนายฮาซัน อายุ 28 ปี บริเวณทางเข้าซอยแบริ่ง พร้อมตรวจค้น พบ สารสีขาว และ กล่าวหาว่า เป็นสารเสพติด แต่ต่อมาพบว่า เป็นการบูร

ผกก.สำโรงเหนือ นำทีมยกมือไหว้ขอโทษผู้เสียหาย ปมลูกน้องพลาดจับ “การบูร”

5 อันดับความเสี่ยง "กระทบธุรกิจประกันภัย"

1 ใน ตำรวจ กลุ่มนี้ คือ ส.ต.ต.สันติ โยธมาศ ถูกตั้งคำถามว่า ทำไม มีชื่อ นามสกุล และ ยศ เหมือนกับ ตำรวจที่เคยก่อคดีกรรโชกทรัพย์หนุ่มลพบุรี ปี 2562  ทั้งที่ตอนนั้น มีคำสั่งให้ออกจากราชการไปแล้ว

พีพีทีวี ตรวจสอบ ย้อนไปปี 2562 พบว่า คดีดังกล่าว เป็นคดี ตำรวจ บุกจับผู้ชาย 2 คน ที่บ้านในอำเภอเมืองลพบุรี แจ้งว่าจับใน “ข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด” พร้อมพาตัวออกจากบ้านหายไป

 จากนั้น ญาติของ 2 หนุ่ม ตรวจสอบกับสภ.เมืองลพบุรี แต่กลับได้รับคำตอบว่า ไม่มีคำสั่งจับกุม หรือ ส่งตัวมาดำเนินคดีใดใด จากนั้น มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมา ที่ญาติ พร้อมบอกว่า ต้องการเงิน 150,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว ชาย 2 คน“ญาติ” จึงประสานกับตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา รวม 4 คน ก่อนจะรู้ว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 1

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คดีนี้ดังมาก เพราะ ตำรวจที่จับผู้ตพูดวลีดังว่า หากไม่เอาเงินมาให้ “จะยัด” ตอนนั้นเป็นคดีที่ถูกวิจารณ์อย่างมาก

ซึ่งตอนนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยให้ข่าวว่า มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงตำรวจที่ก่อเหตุ และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด

คำสั่งเหล่านี้ทำให้ เข้าใจว่า นายตำรวจทั้งหมดรวมถึง ส.ต.ต.สันติ ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว จนเมื่อมีข่าวเรื่องจับการบูร พบว่า 1 ในตำรวจที่จับการบูร มีชื่อ ของส.ต.ต.สันติ โยธมาศ อยู่ด้วยทำให้ถูกมองว่า ตำรวจคนนี้อยู่ในราชการ หรือ เป็นแค่ความบังเอิญมีชื่อ นามสกุล ยศเหมือนกันเท่านั้น

พีพีทีวี ลงพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ สอบถามตำรวจนายหนึ่ง ยืนยันว่า ส.ต.ต.สันติ โยธมาศ ของทั้ง2 คดี เป็นคนเดียวกัน และ ยังไม่ถูกออกจากราชการ เนื่องจากคดีรีดไถ่เงิน ปี 2562 ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้กันในชั้นศาล ทำให้คดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด

เพื่อนนายตำรวจที่ให้ข้อมูล บอกว่า ส.ต.ต.สันติ จบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจภูธรภาค1 ก่อนถูกส่งตัวมารับราชการที่ สภ.สำโรงเหนือ ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ป้องกันปราบปราม ระหว่างนั้นมีหนังสือจากราชการขอตัวส.ต.ต.สันติ ให้ไปช่วยเกี่ยวกับคดียาเสพติดที่ภาค1 ก่อนเกิดคดีกรรโชกทรัพย์

ขณะที่แหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตอนปี 2562 มีการสอบวินัยร้ายแรง และ ให้ออกจากราชการก่อนจริง แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า ความผิดไม่ร้ายแรงจึงไม่ถึงขั้นต้องออกจากราชการ จึงกลับมาทำงานตามปกติที่สถานีตำรวจต้นสังกัด แต่ให้ทำหน้าที่แค่ปฏิบัติงานที่ที่สภ.สำโรงเหนือ เท่านั้น เพราะ ส.ต.ต.สันติ ประสบอุบัติเหตุรถชน ขาหักทั้ง2ข้าง

 ส่วนในวันที่จับการบูร เป็นวันที่เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องขอกำลังเพิ่มโดยให้นายตำรวจคนนี้ออกไปช่วย

 

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ