ส.ต.ต. สารภาพขับบิ๊กไบค์เร็ว อ้างมองไม่เห็น “หมอกระต่าย” เดินข้ามถนน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์พุ่งชน “หมอกระต่าย” ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลายหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้านครอบครัวและเพื่อนของแพทย์หญิงผู้เสียชีวิต จึงประกาศขอความช่วยเหลือตามหารถยนต์ที่มีกล้องหน้ารถเพื่อเป็นหลักฐานทางคดี ซึ่งภายหลังก็มีภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุเผยแพร่ออกมา

อาลัย"หมอกระต่าย"ถูกตร.ขี่บิ๊กไบค์ชนบนทางม้าลาย

เครือข่ายลดอุบัติเหตุ ชี้ วัฒนธรรมคนไทยไม่ให้ความสำคัญคนข้ามถนน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะที่หมอกระต่ายผู้เสียชีวิต อาศัยจังหวะที่รถน้อย ค่อย ๆ เดินข้ามถนนตรงทางม้าล้าย กระทั่งจังหวะที่กำลังจะข้ามไปถึงเกาะกลางถนน ซึ่งอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเดินพ้นทางม้าลาย แต่ต้องชะงัก จากนั้นแค่เสี้ยววินาทีก็มีรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ สีแดง ที่ขับขี่มาด้วยความเร็วสูง จนชนร่างของหมอกระต่ายกระเด็นได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

โดยทราบชื่อผู้ขับขี่ คือ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่กองร้อยที่ 2 กก.อารักขา 1 บก.อคฝ. ท่ามกลางกระแสในโลกออนไลน์ต่างพากันแชร์ข้อมูลอุบัติเหตุดังกล่าวพร้อมกับแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับตำรวจคนดังกล่าว

 

ทีมข่าว PPTV ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุบริเวณทางม้าลายคนข้ามด้านหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ เป็นถนน 3 เลน มีเกาะกลางถนน อีกฝั่งเป็นอาคารที่พักแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล จุดเกิดเหตุเป็นทางม้าลายคนข้าม มีสัญญาณเตือนชัดเจน สอบถามวินจักรยานยนต์ที่อยู่บริเวณนั้นให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุคนเห็นเหตุการณ์มีเพียงคนที่ขับรถผ่านบริเวณนี้และคนที่นั่งรอรถเมล์ ส่วนวินจักรยานยนต์ที่อยู่จุดนี้ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ตนมาเห็นตอนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังลำเลียงคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ที่ผ่านมาจุดนี้มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลข้ามไปมาตลอดทั้งวัน เนื่องจากอีกฝั่งเป็นอาคารที่พักของแพทย์และเจ้าหน้าที่ ซึ่งรถที่ขับผ่านจุดนี้ก็มักจะขับขี่ด้วยความเร็ว ไม่สนใจสัญญาณเตือนทางม้าลายทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

 

ทั้งนี้ทีมข่าว PPTV  ได้ติดต่อสัมภาษณ์ หมอกิ๊ฟ (สงวนชื่อจริง) เพื่อนสนิทของหมอกระต่าย ผ่านทางโทรศัพท์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทีมแพทย์พยายามกู้ชีพหมอกระต่ายนานกว่า 50 นาที แต่ด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงหมอกระต่ายไม่มีชีพจรตั้งแต่หลังเกิดเหตุแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทางเพื่อนและญาติตามหาภาพกล้องหน้ารถหรือวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพวันเกิดเหตุได้เพราะต้องการนำไปเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในทางคดี ซึ่งหลังเกิดเหตุ ส.ต.ต.ที่ก่อเหตุได้เข้าพบพ่อแม่ของหมอกระต่ายและยอมรับว่าตัวเองขับรถประมาท ซึ่งเธอเองในฐานะเพื่อนสนิทของหมอกระต่าย มองว่า หากเป็นประชาชนทั่วไปที่ขาดวินัยจราจรแบบนี้ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว แต่ในฐานะตำรวจที่รู้กฎหมายดีอยู่แล้วแต่กลับทำผิดเสียเองก็ควรจะได้รับโทษมากกว่าประชาชนทั่วไปหรือไม่

“เขาบอกว่าขับมาเร็วค่ะจากที่สอบถามมีคนหนึ่งที่เขาไปช่วยกู้ชีพเขาก็บอกว่าไม่เห็นตอนชนแต่เห็นคือเงยหน้าก็เห็นตอนชนเขาบอกว่ารถไถลไปไกลมาก แล้วก็เห็นร่างเพื่อนกระเด็นไปไกลมาก คือ ได้ข้อมูลจากหลายคนเขาช่วยเหลือกันมากๆทุกคนบอกว่ามันเร็วมากและไม่ได้ลดความเร็ว ตรงนี้คิดว่ามันคือการขาดวินัยขาดวินัยจราจรก็คือในฐานะประชาชนแค่ทำแบบนี้ก็ผิดแล้วแล้วในฐานะตำรวจที่รู้กฎหมายดีกฎหมายจราจรดีมันก็คงจะต้องยิ่งผิดนะคะ” หมอกิ๊ฟ กล่าว

 

หมอกิ๊ฟ กล่าวต่อว่า หมอกระต่าย เป็นคนใจดี เป็นคนเฟลนลี่ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยมีเรื่องทำให้เพื่อนเสียใจ เป็นคนที่คอยแคร์คนอื่นมากๆและเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เวลาทำงานก็ทุ่มเทให้กับการรักษาคนไข้เป็นอย่างมาก มักจะถ่อมตัวพูดเสมอว่าตัวเองเป็นคนไม่เก่งแต่จริง ๆ หมอกระต่ายเป็นคนเก่งมาก เป็นคนขยันเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อพัฒนาความรู้นำมารักษาคนไข้

 

ขณะที่เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี ครอบครัวของพญ.วราลัคน์ หรือ หมอกระต่าย ได้นำรูปถ่ายผู้ตายพร้อมเอกสารเดินทางมายื่นเรื่องขอรับศพ พร้อมนิมนต์พระมานำศพขึ้นรถ ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปอย่างโศกเศร้า ซึ่งญาติผู้ตายขอความร่วมมือไม่ให้สื่อมวลชนถ่ายภาพขณะเคลื่อนศพ และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยระบุเพียงสั้น ๆ ว่า จะนำรถตู้เคลื่อนย้ายศพมาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณบริเวณจุดเกิดเหตุ ก่อนจะเคลื่อนร่างไปประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและบำเพ็ญกุศล ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน เวลา 17.00 น.

โดย นายอนุสรณ์ สุภวัตรจริยากุล อายุ 63 ปี ลุงของหมอกระต่าย ได้เปิดเผยว่า ครอบครัวมีความเป็นห่วงเรื่องคดี เนื่องจากหลังเกิดเหตุ ก่อนที่จะเป็นข่าว เมื่อทำการขอดูกล้องวงจรปิดมุมที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าเป็นกล้องของทาง กทม. ต้องขออนุญาตก่อน จึงทำให้เห็นภาพเพียงแค่มุมเดียว ซึ่งไม่ชัดเจน จึงสงสัยว่าเหตุใดต้องขออนุญาตจากหน่วยงานอื่น ทั้งที่ระบบมีความทันสมัย อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้น ครอบครัวยังตั้งสติไม่ทัน ตอนนี้ขอจัดงานศพหลานสาวให้เสร็จ จากนั้นจะไปจัดการเรื่องคดี เพราะอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับหลานสาว เนื่องจากหลานสาวได้ทำงานที่โรงพยาบาลตำรวจเพียงแค่ 2 เดือน และเป็นเสาหลักของครอบครัว โดยพ่อของหลานสาวเป็นจักษุแพทย์ เกษียณอายุเมื่อปีที่แล้ว และอยากให้ลูกสาวมาสานต่องานด้านการแพทย์

 

ด้าน พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (ผบก.อคฝ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ เป็นคนขับขี่รถบิ๊กไบก์ที่ประสบอุบัติเหตุชนหมอกระต่ายจริง โดยเจ้าตัวยอมรับผิดว่า เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรับเอกสารที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แล้วจะเดินทางไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กระทั่งขับผ่านไปถึงจุดเกิดเหตุได้พยายามขับรถชิดช่องทางขวาสุด ซึ่งขณะนั้นเห็นรถชะลอความเร็ว แต่มองไม่เห็นด้านหน้าว่ามีคนกำลังข้ามถนน ประกอบกับขี่รถมาด้วยความเร็ว ทำให้ชนหมอกระต่ายอย่างแรง และหลังเกิดเหตุก็ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเลขา ผกก. สน.พญาไท เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระหว่างนี้พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และรอรายงานผลการตรวจสภาพรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ที่ส่งไปตรวจที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และผลการชันสูตรศพผู้เสียชีวิต เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ก่อนนัดพาตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อพนักงานอัยการอีกครั้ง ในวันที่ 9 มี.ค. 65 นี้

 

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ