ขับรถเร็วทำให้ทัศนวิสัยมองไม่เห็นคนข้ามถนน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีของหมอกระต่าย ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดอุบัติเหตุทั้งที่ข้ามทางม้าลาย พีพีทีวี ตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีหลายกรณีเกิดขึ้น เหยื่อหลายคนเสียชีวิตกลางทางม้าลาย ส่วนใหญ่เป็นเพราะ รถที่ขับมา ขับเร็ว ทำให้ไม่เห็นคนข้ามถนนพีพีทีวี จำลองเหตุการณ์บนท้องถนน ในมุมต่างๆให้ เห็นว่า ทัศนวิสัยน์ของคนข้ามถนน และ คนขับรถ เป็นอย่างไร

เริ่มจากมุมมองคนข้ามถนนเราถูกสอนมาว่า เวลาข้ามถนน ต้องมองซ้ายมองขวา จากนั้นจึงข้ามถนน แต่เวลาข้ามจริง ไม่ใช่แค่มองซ้าย ขวา และข้าม  แต่คนข้ามถนน ต้องคอยมองซ้ำๆ เพราะ มักมีรถพุ่งเข้ามาระหว่างทาง เช่น เราข้ามถนนไปครึ่งทาง แต่มีรถจักรยานยนต์ อยู่เลนท์กลางขับพุ่งมา ไม่ชะลอความเร็ว

นอกจากนี้ยังมี ปัจจัยเรื่องการข้ามคนเดียว หรือ ข้ามกับเป็นกลุ่ม หากข้ามคนเดียว รถมักจะไม่หยุด แต่ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่การข้ามถนนก็จะง่ายกว่า

พ่อ "หมอกระต่าย" เปิดใจ ไม่แค้นตำรวจ

ตร.ลำดับเหตุการณ์ “หมอกระต่าย” ถูก ส.ต.ต.ขี่บิ๊กไบค์ชน

ส่วนมุมมองคนขับรถ ทีมข่าว ทดลองขี่จักรยานยนต์ ไปตามถนน พบว่า หากเราขับตามกฎจราจร คือ จักรยานยนต์ต้องวิ่งช่องจราจรซ้าย ก็จะเห็นคนที่อยู่ข้างทาง มองเห็นรายละเอียดว่าใครทำอะไร ที่จุดไหนบ้าง 

แต่หากขี่ด้วยความเร็ว ก็จะทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี หรือหากขี่ในช่องจราจรกลาง หรือ ด้านขวา  การจะมองเห็นคนข้ามถนน ก็จะยากขึ้น เพราะ รถยนต์ บดบังทัศนวิสัย

สิ่งที่ทีมข่าวพบนี้ สอดคล้องกับ ข้อมูลของรศ. กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ซึ่งเป็นคนเก็บข้อมูลอุบัติเหตุบนท้องถนน อาจารย์บอกว่า เคสหมอกระต่าย ส.ต.ต.คู่กรณี อ้างว่ามองไม่เห็นหมอกระต่าย เพราะ รถด้านซ้ายบัง เนื่องจาก ทำผิดกฎจราจร คือ ขี่บิ๊กไบค์ แต่ไปอยู่ช่องจราจรด้านขวา

รวมถึง อาจารย์กัณวีร์ มองว่า ส.ต.ต.คู่กรณี ขาดทักษะการขี่รถ เพราะ ตามปกติเมื่อเห็นว่า รถทางซ้ายชะลอ เราก้ต้องชะลอตาม เนื่องจากคาดการณ์ได้ว่า ตรงทางม้าลายข้างหน้ามีคนข้าม แต่กรณีนี้ไม่ชะลอรถเลย

อาจารย์กัณวีร์ ยังบอกอีกว่า การที่ส.ต.ต.อ้างข้อมูลว่าไม่ได้ขับรถเร็ว เพราะ ขับอยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ฟังไม่ขึ้น เพราะ จากการศึกษาเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน พบว่า ความเร็วแค่ 40-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็สามารถทำให้คนตายได้แล้ว

ทีมข่าวพีพีทีวี สำรวจข้อมูลเพิ่มเติมอีก ว่า อุบัติเหตุบนทางม้าลายที่ผ่านมามีมากน้อยแค่ไหน พบว่า ในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา คือตั้งแต่ ปี 2562 – ปัจจุบัน มีอย่างน้อย 5 คดี เกิดขึ้นที่ทางม้าลายเหมือนกัน เช่น 7 กรกฎาคม 2564 คุณยายวัย 81 ปี ถูกรถชน หน้าทางเข้าวัดปากง่าม สมุทรสงคราม จุดเกิดเหตุอยู่บนทางม้าลาย เลย โดยคุณยายกำลังจะข้ามถนน  หรือ ที่เป็นข่าวดังในช่วงปี 2562 คือ กรณีของน้องลิ้นจี่ นักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งไปทำงานวันแรก แต่สุดท้ายถูกบิ๊กไบค์ชน ระหว่างข้ามทางม้าลาย แยกกรมโยธาและผังเมือง  เหยื่อทั้งหมด ข้ามทางม้าลายตามกฎจราจร แต่ก็ถูกรถชน

ส่วนกรณีข่าวดังปี 2557 คดีรถบรรทุก ชน พนักงานแกรมมี่ เสียชีวิตขณะข้ามทางม้าลาย เมื่อปี 2557 พีพีทีวี ย้อนคุยกับ สามีของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผ่านมา 7 ปี เขายังจำเหตุการณ์วันเกิดเหตุได้ดี  ยิ่งเกิดเหตุการณ์กับ หมอกระต่าย เมื่อเห็นข่าวก็ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดกับแฟนตัวเอง แต่ก็มองว่า ทุกครั้งที่มีอุบัติเหตุแบบนี้ หลังเป็นข่าว และผ่านไปสักพัก เรื่องจะเงียบ อยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการแบบจริงจัง

หากเทียบกับในต่างประเทศ ทีมข่าวพบว่า ทางม้าลายในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ จะมีหน้าตาเหมือนๆ กันแต่บางประเทศอาจมีรูปแบบและการตีเส้นที่เพิ่มเติมหรือแตกต่างออกไป เช่น การตีเส้นซิกแซ็กเพื่อบ่งบอกว่าใกล้ถึงทางข้ามและห้ามจอดรถบริเวณดังกล่าว หรือ การตีเส้นทางม้าลายให้มีลักษณะเป็น 3 มิติ นูนขึ้นมา เพื่อให้สะดุดตาผู้ขับขี่ (ที่ฝรั่งเศส) 

ส่วนสิ่งที่ต่างกันกับไทยชัดเจน คือ ค่าปรับ ทีมข่าวพบว่า ในต่างประเทศมีการสั่งปรับรถที่ไม่จอดให้คนข้ามถนน โดย สหราชอาณาจักร สั่งปรับ 100 ปอนด์ (4,460 บาท) และ รถคันนั้นจะถูกตัด คะแนนใบขับขี่ 3 คะแนน เยอรมนี สั่งปรับ 80 ยูโร (ประมาณ 3,000 บาท) และ ถูกตัดคะแนนใบขับขี่ 1 คะแนน สิงคโปร์ ปรับ 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 3,680 บาท) และตัดคะแนนความประพฤติ 6 คะแนน

ส่วน ญี่ปุ่น ปรับ 9,000 เยน (ประมาณ 2,600 บาท)  และหากผู้ขับขี่ไม่จ่ายค่าปรับ อาจถูกจำคุกสูงสุด 3 เดือน หรือถูกปรับเพิ่มสูงสุด 50,000 เยน (ประมาณ 14,500 บาท)

สหรัฐฯ (รัฐนิวยอร์ก) ปรับ 150 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,950 บาท) ขณะที่ประเทศไทย  สั่งปรับรถที่ไม่จอดให้คนข้ามถนน 1,000 บาท

 

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ