หลังจากวานนี้ นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ และ นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต เดินทางเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เป็นครั้งที่ 3 โดยไม่ตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าว ทั้งคู่ใช้เวลาให้ปากคำ 5-6 ชั่วโมง ก่อนที่เวลา 14.00 น. จะเดินทางออกจาก สภ.เมืองนนทบุรี ผ่านประตูด้านข้างไปอย่างรวดเร็ว โดยเปลี่ยนเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อมิซซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง เเละให้รถส่วนตัว วนไปรับด้านนอก
“ทนายเดชา” เผย กุนซือเขียนบท 5 คนบนเรือแต่งเรื่อง “แตงโม” ถูกดำเนินคดีด้วย
“เบิร์ด” เผยการ์ดวาเลนไทน์จาก “แตงโม” พร้อมข้อความบอกรักสุดซึ้ง
พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับทั้งคู่อีก 2 ข้อหา คือ ให้การเท็จ เเละทำลายหลักฐาน โดยการแจ้งข้อหาให้การเท็จมาจากที่ทั้งคู่ให้การว่า ดื่มไวน์ไป 3 ขวด เเต่หลักฐานปรากฎว่าดื่มมากกว่านั้น ส่วนข้อหาทำลายหลักฐาน เพราะมีการทิ้งขวดเเละเเก้วไวน์นอกจากนีั้ ตำรวจได้ขอหมายจับ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน พยานอีกคนบนเรือ ในข้อหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีรายงานว่า แซน เตรียมที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.นนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ 3 เม.ย. ส่วนจะเป็นเวลาใดนั้นยังไม่กำหนด
สำหรับ 2 ข้อหาที่ ปอกับโรเบิร์ต ถูกแจ้งเพิ่มน้ั้น โดยข้อหาแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใด แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ แก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น เสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ”
ส่วนโทษการทำลายหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ผู้ใดช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น หรือทำให้สูญหายซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความคดีแตงโม เปิดเผยว่า 2 ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ทั้งปอและโรเบิร์ตถูกแจ้งนั้นคาดว่าระยะเวลาสำหรับการติดคุกรวมๆ แล้วก็อาจจะ 12 ปี 6 เดือน ถ้าทั้งคู่สู้คดีก็ติดคุก แต่ถ้ารับสารภาพ โทษก็ลดลงกึ่งหนึ่ง ทุกคนบนเรือมีโอกาสถูกดำเนินคดี เว้นแต่ยอมพูดความจริง จึงส่งสัญญาณไปถึงกระติกกับจ๊อบให้พูดความจริง รวมถึงคนที่รู้กฎหมายเป็นอย่างดี แต่มาเป็นผู้กำกับการแสดง เขียนบทให้คนเหล่านี้บิดเบือน โดยคนเขียนบทเรื่องบนเรืออยู่ในวงการนักกฎหมาย รู้กฎหมายอย่างดี เป็นคนให้คำปรึกษากับกลุ่มผู้ต้องหาในตอนแรก
ทนายเดชา กล่าวว่า ประเด็นคนเขียนบทให้คนบนเรือมี 2 ส่วน 1.ดึงไม่ให้พบพนักงานสอบสวน 2.พยายามให้คนบนเรือบิดเบือน นอกจากนี้ยังพบว่าบุคคลนี้พยายามสอนให้คนบนเรือกลับคำให้การ หรือบิดข้อเท็จจริงจนเป็นดราม่า ในลักษณะเหตุการณ์ไม่ใช่ความประมาท แต่เป็นเหตุสุดวิสัยให้ทุกคนพ้นผิด ส่วนกรณีที่มีการออกหมายจับแซนนั้น ทนายเดชา บอกว่า เนื่องจากแซนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะนั่งเล่นมือถือและไม่ดูแลแตงโม ส่วนจะประมาทอย่างไร ยังไม่ขอพูด โดยการออกหมายจับมีหลายอย่างประกอบกัน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่ดัดแปลงคลิปวิดีโอ เป็นอีกกลุ่มที่จะถูกดำเนินคดี โดยกลุ่มนี้จะอยู่กลุ่มสุดท้าย คนละกลุ่มกับคนเขียนบท
ขณะที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กล่าวยืนยันว่าไม่ใช่ตนแน่นอน และได้มีการพูดคุยกับทนายเดชาแล้ว ก็ไม่ได้บอกว่าทนายคนดังนั้นหมายถึงตน อีกทั้งบอกว่าก็รู้อยู่ว่าใครเป็นคนเสี้ยม ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
การที่ออกหมายจับแซน ในความผิดกระทำการโดยประมาท แสดงให้เห็นว่าทิศทางแนวโน้มของคดีนี้ทางเจ้าที่ตำรวจน่าจะพุ่งเป้าไปที่อุบัติเหตุ แต่ประชาชนและคนในสังคมส่วนใหญ่ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องของความประมาท และมองว่าทำไมตำรวจถึงไม่ดำเนินคดีในส่วนของความผิดอื่นๆ ซึ่งทางตำรวจก็ต้องหาวิธีแบบนี้ หาเป้ามาเพื่อที่จะเบี่ยงประเด็น ว่าใครเป็นกุนซือและต้องการดิสเครดิตใคร อย่างไรก็ตาม หากถามว่ากุนซือมีจริงหรือไม่ มันมีอยู่แล้วเป็นทนายความ ส่วนที่ทนายความคนนั้นเป็นคนแนะนำ สอนคนบนเรือให้การอย่างนี้หรือไม่อันนี้ตนไม่ทราบ ให้ตั้งข้อสังเกตง่ายๆมีพยานให้การคืนนั้น หลังจากที่แตงโมตกเรือ มีคนบนเรือน่าจะเป็นกระติกโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่งว่า แตงโมตกเรือจากการไปปัสสาวะบริเวณท้ายเรือ ก็แสดงว่าในส่วนนี้อาจจะมีมูลความจริงอยู่บ้าง หรืออาจจะมีคนแนะนำให้พูดอย่างนั้น
นอกจากนี้ นายษิทรา ยังได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “กุนซือษิทรา ไหนๆ คนกระจายข่าวก็พูดกำกวมให้คนคิดว่ากุนซือคือผมแล้ว คณะทัวร์ก็เตรียมจอดหน้าบ้านผม ดีที่ผมปิดรั้วก่อน จันทร์นี้ผมขอใช้เวทีรายการโหนกระแสชี้แจง และก็จะขอเชิญชวนคณะทัวร์ไป
