
อดีตแฟนสาวเคนลี เผยเหตุแจ้งจับพลเมืองดี
เผยแพร่
กรณี “เคนลี” ทำร้ายร่างกายแฟนสาวที่คอนโดมิเนียม และต่อมาได้มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายฝ่ายผู้เสียหายกลับไปลงบันทึกประจำวัน จ่อเอาผิดพลเมืองดีฐานหมิ่นประมาท ทำให้ถูกกระแสสังคมตีกลับล่าสุดวันนี้ อดีตแฟนสาวของเคนลีได้เปิดใจกับทีมข่าว ชี้แจงถึงเหตุผลที่ลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิส่วนบุคคล ยอมรับสภาพจิตใจแย่เพราะคอมเมนต์ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง
น.ส.แอม อดีตแฟนสาวเคนลี เปิดใจกับทีมข่าวชี้แจงถึงเหตุผลที่ลงบันทึกประจำวันกับพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเหลือขณะที่ถูกเคลี อดีตแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายหน้าคอนโดมิเนียมช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เธอบอกว่าสาเหตุที่ต้องลงบันทึกประจำวันกับพลเมืองดีเพราะหลังการช่วยเหลือเธอได้ร้องขอให้พลเมืองดีตัดบางช่วงบางตอนของคลิปที่เห็นใบหน้าของเธอออก เพราะไม่อยากให้ครอบครัวรู้เรื่อง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จนมาเห็นคลิปวิดีโอที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งเห็นใบหน้าเธอชัดเจน
“ชัยวุฒิ”ย้ำ PDPA ไม่เกี่ยวเหตุโพสต์คลิปทำร้ายร่างกาย แนะควรส่งให้ จนท.
24 ข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้การคุ้มครองของ PDPA มีอะไรบ้าง?
ด้วยเหตุผลนี้จึงตัดสินใจไปลงบันทึกประจำวันฐานหมิ่นประมาทกับเจ้าของเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในคลิปและมีปากเสียงกับอดีตแฟนหนุ่ม เพราะต้องปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของตนเอง และเมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เธอรู้สึกอับอายและถูกชาวโซเชียลคอมเมนต์ต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง
คุณแอม บอกว่าอยากให้ทุกคนเข้าใจและเห็นใจเธอบ้าง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้สภาพจิตใจแย่จนไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ พร้อมลงบันทึกประจำวันเคนลี อดีตแฟนหนุ่ม ฐานทำร้ายร่างกายด้วย
ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่า แล้วได้มีการขอบคุณพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเหลือหรือไม่ เธอบอกว่าหลังเกิดเหตุวันนั้นได้เข้าไปขอบคุณด้วยตัวเองทันที และร้องขอถึงข้อตกลงเรื่องคลิปวิดีโอ แต่หลังเกิดเหตุเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ก็พบว่าคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ไปแล้ว
ด้าน นายชำนาญ ศิริรักษ์ ทนายความที่รับดูแลคดีนี้ ระบุว่าคดีนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คืออดีตแฟนหนุ่มที่ทำร้ายร่างกาย ถ้าดูจากสภาพบาดแผลแล้วต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์และให้เป็นไปตามขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ส่วนการนำคลิปเหตุการณ์ที่เห็นใบหน้าผู้เสียหายชัดเจนไปเผยแพร่ ทำให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้ เป็นการป้องกันความเสียหายในขณะนั้น แต่หลังจากนี้ถ้ามีการพูดคุยหรือเจรจากันก็สามารถยอมความได้
แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพราะมีกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายในเรื่องนี้อยู่ และหากไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน ก็จะต้องถูกฟ้องหรือดำเนินคดี ส่วนโทษก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล หากมีเจตนาดีก็อาจจะมีการปราณีโทษได้
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline