มาตรการเยียวยาในสถานการโรคโควิด-19ระบาด ที่รัฐมีโครงการต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะ เที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง เราชนะ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1.1ล้านล้านบาท แต่การเยียวยาเหล่านี้ก็ยังไม่ทั่วถึง แถมยังมีข่าวการสวมสิทธิ ทุจริตอีกด้วย
อย่างกรณีที่ จังหวัดขอนแก่นที่มีชาวบ้านถูกหลอกนำบัตรประชาชนไปสวมสิทธิหาประโยชน์จากโครงการไปกว่า 700 ราย โดยจุดเริ่มต้นของการทุจริตนี้ มาจากโครงการเที่ยวด้วยกัน ที่มีช่องว่างจากการที่ “ประชาชนทุกคนมีสิทธิในโครงการนี้แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้สิทธินี้” ซึ่งการทุจริตไม่ได้เกิดแค่การสวมสิทธิเท่านั้น แต่ยังพบผู้ประกอบการบางรายหาประโยชน์จะช่องว่างนี้ด้วย
โครงการเราเที่ยวด้วยกัน คือจุดเริ่มต้น เหตุการณ์สวมสิทธิที่เป็นข่าวดังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ชาวบ้านกว่า 700 คน ร้องเรียนว่าใช้สิทธิคนละครึ่งไม่ได้ เพราะถูกครูในพื้นที่ หลอกนำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนใช้สิทธิแล้ว โดยแลกกับเงิน 200 บาท
วิธีการที่นายภูผาภูมิ โมรีย์ ผู้ก่อเหตุที่สวมสิทธิชาวบ้าน คือ หลังจากที่นำบัตรของชาวบ้านไปลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันแล้ว ก็จะมีการประสานกับโรงแรมที่ต้องการจะเข้าพัก และทำการเปิดห้องพักโดยไม่ได้เข้าพักจริง เพื่อให้ได้เงินจากรัฐบาล
ทางโรงแรมก็จะร่วมมือในการอัปเกรดค่าห้องให้แพงขึ้น และขายห้องเพิ่มจากจำนวนจริง เพื่อให้ได้ยอดมากขึ้นด้วย ส่วนผู้เข้าพักก็จะได้เงินสนับสนุนด้วย วันธรรมดาวันละ 900 บาท และวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ได้วันละ 600 บาท ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
โครงการเที่ยวด้วยกัน จำกัดสิทธิ 1 ล้าน สิทธิ เมื่อมีการทุจริตแอบอ้างเข้าพักโดยไม่ได้พักจริง และเพิ่มจำนวนห้องพักมากกว่าปกติ ก็ส่งผลให้โรงแรมทั่วไปได้รับผลกระทบ ไม่สามารถใช้สิทธิได้ เช่นผู้ประกอบการรายนี้ที่ยอมรับว่าการสวมสิทธิส่งผลต่อยอดผู้เข้าพักในโรงแรมของเธอ
ก่อนหน้านี้ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยออกมายอมรับด้วยตัวเองว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เกิดการทุจริตมีมูลค่าความเสียหายหลักพันล้านบาท และกำลังหามาตรการป้องกัน ก่อนจะมีการขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปยังเฟส 3 อีก 2 ล้านสิทธิ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
ไฟเขียว "เราชนะ" เยียวยาพิษโควิด 31 ล้านคน คนละ 3,500 บาท 2 เดือน