ททท. ตั้งเป้าปี 64 รายได้เข้าประเทศ 1.2 ล้านล้านบาท ปี 65 แตะ 2.5 ล้านล้านบาท


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ททท. ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวปี 64 เข้าประเทศ 1.2 ล้านล้านบาท ปี 65 แตะ 2.5 ล้านล้านบาท ดึงนัดท่องเที่ยวเข้าประเทศ 20 ล้านคน

รมว.ท่องเที่ยว เดินหน้า Sandbox นำร่อง 5 จังหวัด 1 ต.ค. เปิดรับนทท.ฉีดวัคซีนแล้วเข้าไทยไม่ต้องกักตัว...

ปี 63 - ต้นปี 64 พิษโควิด ฉุดท่องเที่ยวไทยฟุบ รายได้หด 82% สายการบิน โรงแรม อ่วม 2 ล้านคนตกงาน

วันนี้ 22 มี.ค. 2564 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวในงานพีพีทีวีสัญจร ครั้งที่ 1 หัวข้อ “ท่องเที่ยวไทยหลังฉีดวัคซีน ฟื้นหรือฟุบยาว”ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำชับเสมอว่าประเทศไทยต้องมีความพร้อมเพราะเราไม่รู้ว่าเราจะต้องอยู่กับโควิด-19อีกนานเท่าไหร่ แต่เรา ต้องเตรียมความพร้อมไว้ในเรื่องของมารตรฐาน เรื่องความปลอดภัย อนาคตโลกที่เปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19 คือ ความปลอดภัยจะมาอันดับ 1 ดังนั้นเมื่อมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ว่า 1 ต.ค. นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว

“สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ คือต้องสื่อสารให้คนทั้งโลกได้ทราบวันที่ 1 ต.ค.ถ้านักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วไม่ต้องกักตัวเขาก็ต้องตัดสิน เราได้รับแจ้งจากสายการบิน โดยเฉพาะยุโรปว่า เขามี 1 ล้านที่นั่ง ที่จะเริ่มบินตั้งแต่เดือนต.ค.จนถึงมี.ค. 2565 แต่เขาต้องตัดสินใจในหลังสงกรานต์นี้ การที่รัฐบาลมีความชัดเจนผมเชื่อว่าภาคธุรกิจก็สามารถเคลื่อนได้และเราสามารถเตรียมตัวได้ในส่วนตรงนี้ การมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน รวมทั้งนโยบายของการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ต้องเรียนว่าการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยเป็นเรื่องความปลอดภัยสำหรับคนไทย หลังจากสงกรานต์หน่วยงานของททท.ที่อยู่ในต่างประเทศจำนวน 29 แห่งทั่วโลก จะมีการคิ๊กออฟ”

ส่วนเอกชนมีความพร้อมจะนำเข้าวัคซีนเพื่อมาฉีดเองทำได้หรือไม่ นายยุทธศักดิ์ ระบุว่า เรื่องวัคซีนฉีดเองต้องเป็นนโยบายระดับประเทศที่จะต้องคุยกัน แต่จากพูดคุยกับภาคเอกชนทุกคนพร้อมที่จะช่วยรัฐบาล เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้การท่องเที่ยวกลับมา แต่ขอให้มีสัญญาณที่ชัดเจนจากรัฐบาล และการประกาศไทม์ไลน์ออกมาชัดเจนก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้เยอะ  

 

เมื่อถามว่า ก่อนที่จะถึงวันที่ 1 ต.ค. ผู้ประกอบการบางเจ้าอาจอยู่ไม่ถึงจะมีมาตรการใดช่วยเหลือได้บ้าง นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า อยากให้ขึงไทม์ไลน์ไว้ ระยะเวลาที่เหลือตั้งแต่ 1 เม.ย.จนถึงเดือน 31ธ.ค. 2564 กรณีตลาดต่างประเทศวันที่ 1 ต.ค. สามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว และในวันที่ 1 เม.ย.ในบางจังหวัดก็สามารถให้ต่างชาติเข้ามาได้แต่ต้องกักตัว ซึ่งนักท่องเที่ยวบางรายเขาก้พร้อมที่เข้ากักตัว ซึ่งทางททท.ก็ยังทำตลาดตรงนี้ให้อยู่  ขณะเดียวกันก้อาศัยตลาดในประเทศเช่นกัน เพราะการเที่ยวในประเทศในขณันี้ถือว่าเป็นกำลังสำคัญ หลังจากนี้จะต้องให้คนไทยหายกังวลใจในการเดินทางท่องเที่ยว เดินทางโดยสายการบิน เดินทางให้ไกลกว่าเดิม ปี2563 เรามีรายได้จากการท่องเที่ยว 8 แสนกว่าล้านบาท จากเดิม 3 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อนๆ 70 % ปีนี้ต้องการให้รายได้กลับเข้ามาในลักษณะ วีเชฟ ดังนั้นเป้าหมายปีนี้จะต้องได้รายได้ 1.2 ล้านล้านบาท สิ่งที่มั่นคงและทำได้คือการท่องเที่ยวในประเทศ เพราะบางประเทศเขาก็ไม่อยากปล่อยให้คนของเขาเดินทางเข้ามา เช่น จีน อินเดีย และ อยากให้กลุ่มคนไทยที่ชอบเที่ยวเมืองนอกช่วงนี้ หันมาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น โดยททท.จะมีโปรดักใหม่ๆเข้ามา แต่ต้องรอก่อน

ส่วนสงกรานต์ปีนี้จะคึกคักหรือไม่นั้น ถึงแม้จะห้ามสาดน้ำ แต่เราสามารถ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ก็ลองดูสงกรานต์แบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลพยายามเพิ่มวันหยุดให้ เพื่อให้มีการเดินทางไปท่องเที่ยว ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการเข้าใจแบบนี้ก็สามารถวางแผนเรื่องการเงินได้ ตนทราบข่าวดีว่า เมื่อไทม์ไลน์มีความชัดเจนแบบนี้ แบงก์ก็เริ่มที่จะปล่อยให้มีการกู้แล้ว ดังนั้นอีกสักระยะก็จะเข้าที่เข้าทาง

นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า การท่องเที่ยวจะต้องมีส่วนในการฟื้นฟูประเทศ และ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวได้นั้นจะต้องทำ วีเชฟ ถ้าเป็นยูเชฟ จะต้องใช้เวลานาน ทางททท.ก็ตั้งเป้าในการทำงานว่า ในปี 64 ตั้งเป้าอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท โดยจะมาจากตลาดต่างประเทศ 6.5 ล้านคน  คิดเป็นเงิน 3.5 แสนล้านบาท ส่วนในประเทศตั้งเป้าอยู่ 160 ล้านคนครั้งรายได้อยู่ที่ประมาณ 8.7 แสนล้านบาท ส่วนปี 65 เราต้องการเห็นนักท่องเที่ยวมีคุณภาพมากขึ้นรายได้ตั้งไว้ อยู่ 2.5 ล้านล้านบาท คือ 80 % ของรายได้ของปี 62  นักท่องเที่ยวตั้งเป้าไว้ 20 ล้านคน ส่วนในประเทศก็ประมาณ 180 ล้านคนครั้ง ซึ่งจะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตในภาพรวมตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ