กรณีที่ผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก จะได้รับความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบันการเงิน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. นี้ เป็นต้นไป ซึ่งเป็นวงเงินที่กำหนดตามกฎหมาย จากปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 5 ล้านบาท
อาการโคม่า "ภาคอุตสาหกรรม" จากพิษโควิด
หอการค้าไทย ชี้ โควิดยืดเยื้อ ฉุดเศรษฐกิจไทยทรุดหนัก ส่อติดลบ 2-4%
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผอ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว พีพีทีวี ช่อง 36 ว่า
ปัจจุบันวงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาท มีผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน 82.07 ล้านราย คิดเป็น 98.03% ของผู้ฝากทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
และที่สำคัญการจะเกิดผลกระทบก็ยากมากๆ เพราะธนาคารที่รับฝากเงินนั้นจะต้องเกิดสถานะถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก ด้วยสถาบันการเงินในประเทศไทยมีฐานะการเงินแข็งแกร่งอยู่แล้ว ทั้งยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ในกรณีวิกฤตขั้นเลวร้ายเงินจริงๆ เงินส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท สถาบันคุ้มครองเงินฝากก็มีหน้าที่จัดการขายทรัพย์สินของธนาคารเพื่อนำเงินมาคืนผู้ฝากด้วย จึงขอให้ประชาชนมั่นใจและไม่ต้องกังวล
สำหรับผู้ที่จะได้รับการคุ้มครองเงินฝากนั้น จะครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่ฝากเงินบาทกับสถาบันการเงินของไทย ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งประกอบไปด้วยธนาคารพาณิชย์ไทย 18 แห่ง สาขาธนาคารต่างประเทศ 12 แห่ง บริษัทเงินทุน 2 แห่ง และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ 3 แห่ง โดยเฉพาะธนาคารที่ประชาชนใช้บริการกันอยู่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ / ธนาคารกรุงไทย / ธนาคารกสิกรไทย / ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น ก็อยู่ในภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลย
ส่วนเงินฝากประเภทที่ได้รับการคุ้มครอง จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ เงินฝากออมทรัพย์ / เงินฝากกระแสรายวัน / เงินฝากประจำ / บัตรเงินฝาก และใบรับฝากเงิน ส่วนที่ไม่ได้รับการาคุมครอง ก็คือใผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ / พันธบัตร หุ้นกู้ / เงินฝากในสหกรณ์ แคชเชียร์เช็ค ตั๋วแลกเงิน / เงินอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ประกันประเภทออมทรัพย์ ที่ออกโดยบริษัทประกัน