หุ้นไทยวันนี้ (26 ต.ค.64) ปิดซื้อขาย +1.77 จุด พร้อมแนวโน้มลงทุนพรุ่งนี้


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หุ้นไทยวันนี้ (26 ต.ค.64) ปิดซื้อขาย +1.77 จุด ระดับ 1,635.97 จุด มูลค่า 79,345.23 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

อีก 6 วันเปิดประเทศ 4 จว.นำร่องยังติด TOP 10 โควิดแรง เช็กสถานการณ์ - วัคซีน 17 จว.นำร่อง

คนละครึ่ง เฟส 3 โอนเงินรอบ 3 เข้าแอปฯเป๋าตัง 1,500 บาทวันที่ 1 พ.ย. นี้

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,781.78 ล้านบาท ปิดที่ 139.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,961.82 ล้านบาท ปิดที่ 85.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,135.93 ล้านบาท ปิดที่ 39.25 บาท ลดลง 0.25 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,840.97 ล้านบาท ปิดที่ 64.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

SCGP มูลค่าการซื้อขาย 1,831.10 ล้านบาท ปิดที่ 64.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวหลังจากขาดปัจจัยมาสนับสนุนการลงทุน และอยู่ในช่วงรอการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สัปดาห์หน้า ซึ่งมีโอกาสปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทำให้ตลาดฯแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกราว 0.6-1% ซึ่งคงจะเป็นการเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของแต่ละตลาดฯ โดยในไตรมาส 3/64 ทางยุโรปและสหรัฐฯไม่มีการล็อกดาวน์ แต่ตลาดบ้านเรามีการล็อกดาวน์ ดังนั้น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบ้านเราคงจะออกมาไม่ดีเท่าใดนัก

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (27 ต.ค.) นายชัยยศ กล่าวว่า ภาพโดยรวมตลาดฯคงแกว่งตัวต่อเนื่อง แต่ก็มีโอกาสรีบาวด์แม่คงไปไหนไม่ไกล พร้อมให้แนวรับ 1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด

หุ้นไทยวันนี้ (26 ต.ค.64) ปิดครึ่งเช้าบวก +3.29 จุด ระดับ     1,637.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,536.78 ล้านบาท

มูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

ไทยพบโควิด-19 กลายพันธุ์ "อัลฟา พลัส 18 ราย -เดลตา พลัส (AY.1) จำนวน 1 ราย"

“นายกฯ”กำชับคุมเข้มแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าเมือง สั่งเร่งสืบสวนหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,801.33 ล้านบาท ปิดที่ 139.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,328.88 ล้านบาท ปิดที่ 85.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,326.16 ล้านบาท ปิดที่ 39.25 บาท ลดลง 0.25 บาท

HANA มูลค่าการซื้อขาย 1,168.99 ล้านบาท ปิดที่ 81.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,167.99 ล้านบาท ปิดที่ 43.25 บาท ลดลง 1.25 บาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบราว 4-5 จุด เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาจากประเด็นเฉพาะตัว และมีแรงขายหุ้นที่ราคาขึ้นไปมากในช่วงก่อนหน้าเพื่อทำกำไรในระยะสั้น มองว่าตลาดฯคงสร้างฐานหลังจากดัชนีฯขึ้นไปชน 1,650 จุดแล้วยังไม่ผ่าน

ด้านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งบวก-ลบ โดยตลาดแถบเอเชียเหนือบวกได้ดี แต่กลุ่ม TIP มีเพียงตลาดหุ้นอินโดนีเซียขึ้นมาได้จาก Fund Flow ไหลเข้า

พร้อมแนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/64 เป็นหลัก รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) สัปดาห์นี้ ส่วนสัปดาห์หน้าติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

แนวโน้มการลงทุนช่วงบ่ายนี้ นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด

 

หุ้นไทยวันนี้ (26 ต.ค.64) เปิดบวก +5.11    จุด พร้อมกลยุทธ์การลงทุน คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในช่วงรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในช่วงรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา

ราคาทองวันนี้ – 26 ต.ค. 64 ปรับราคา 3 ครั้ง รูปพรรณบาทละ 28,750

หุ้นไทย (25 ต.ค.64) ปิดการซื้อขาย -9.22 จุด

แต่ในช่วงเช้าดัชนีฯก็มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกสอดคล้องกับตลาดสหรัฐฯ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯได้ชะลอทำให้ไปหนุนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และมาจากการประกาศงบฯงวดไตรมาส 3/64 ของแต่ละประเทศด้วย

แต่ตลาดบ้านเราอาจเผชิญแรงขายทำกำไรจากกองทุนรวมก่อนที่งบฯไตรมาส 3/64 จะประกาศออกมาหลังจากที่คาดการณ์ว่าจะออกมาไม่ดี แต่ตลาดฯ ยังอาจได้รับแรงซื้อหุ้นจากหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี หลังจากที่สเปรดปิโตรฯได้ปรับตัวขึ้นเกือบทุกผลิตภัณฑ์ อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยที่วันนี้มีกว่า 7 พันราย ถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 เดือน น่าจะช่วยหนุนหุ้น Reopening ได้ แต่ก็ยังต้องจับตาสายพันธุ์ใหม่เดลตา พลัส ที่เพิ่งพบในไทยด้วย

นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,624 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,645 จุด

บล.ไทยพาณิชย์ ติดตามแนวรับ 1630 จุด ต่ำกว่าเป็นลบ ส่วนกรอบบนยังจำกัด

กลยุทธ์การลงทุน :

SET เผชิญแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ และการพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสในไทย สร้างความกังวลต่อตลาด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1630 จุด หากต่ำกว่าจะเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1623 จุด ส่วนกรณียืนได้ คาดดัชนียังแกว่งในกรอบ อย่างไรก็ตามในช่วงนี้มีกรอบบนจำกัดที่แนวต้านบริเวณ 1645-1650 จุด กลยุทธ์การลงทุนใช้การ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง

ล็อคเป้าลงทุน :

> คาดตลาดพักตัวช่วงสั้นจากภาพรวมเศรษฐกิจซบเซาและแนวโน้มงบ 3Q64 ไม่ดีนัก เน้นหุ้น domestic play ในพอร์ตหลักที่เป็นหุ้นปลอดภัย ปัจจัยพื้นฐานและกำไรยังมี momentum ที่ดี

> พอร์ตหลัก 1) หุ้นโรงไฟฟ้าที่คาดกำไร 3Q64 เติบโตดีทั้ง YoY, QoQ และได้อานิสงส์จากบาทแข็งค่า เลือก GPSC BGRIM 2) หุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดี ราคาหุ้นยัง laggard เลือก BDMS 3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก bond yield ขยับขึ้น เลือก BLA

> พอร์ตเทรดดิ้ง เลือก GLOBAL มอง Downside จำกัด กำไรฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ ได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นของรัฐ

> Conviction Call แนะนำ BGRIM คาดกำไร 3Q64 โตทั้ง YoY และ QoQ เตรียมปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าเพิ่มเติมปลายปีนี้ และเก็งกำไร PTTEP ราคาน้ำมันยังปรับขึ้นจากภาวะอุปทานตึงตัว เป็นโมเมนตัมเชิงบวกหนุนราคาหุ้น

สถานการณ์อื่นๆ 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,741.15 จุด เพิ่มขึ้น 64.13 จุด (+ 0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,566.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.58 จุด (+0.47%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,226.71 จุด เพิ่มขึ้น 136.51 จุด (+ 0.90%)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 327.2 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.97 จุด ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 102.91 จุด

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ต.ค.) ปิดทรงตัวที่ระดับ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ต.ค.) อยู่ที่ 7.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

เงินบาทเปิด 33.07 แข็งค่าจากวานนี้ คาดกรอบวันนี้ 33.00-33.20 จับตาตัวเลขส่งออกไทย

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ