นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยบนเวที พีพีทีวี สัญจรครั้งที่ 2 ฝ่าวิกฤตโควิด ฟื้นเศรษฐกิจไทย 65 ตอนหนึ่งว่าช่วงปี 63 ตลาดคอนโดมิเนียมเติบโตมาก เนื่องจากหลายโครงการอัดแคมเปญ ลด แลก แจก แถม
พีพีทีวีสัญจร ครั้งที่ 2 ฝ่าวิกฤตโควิด ฟื้นเศรษฐกิจไทย 65 "มุมมองเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว-อุตสาหกรรม"
รมว.คลัง มั่นใจ เศรษฐกิจไทยปีหน้าโต 4% จ่อคลอดมาตรการกระตุ้นเพิ่ม
รวมถึงกำลังซื้อจากตลาดระดับกลาง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนอยากอยู่บ้านมากขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่น่ากังวลคือ กำลังซื้อตลาดระดับล่างหายไปเลย 80% เนื่องจากมีปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น จึงเสนอให้รัฐบาลคิดนอกกรอบ
นายมีศักดิ์ ระบุว่า เมื่อเดือน ก.ย.ปี 63 เคยเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยให้กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยมีโอากสมีบ้านเป็นของตัวเอง เนื่องจากการข้อจำกัดในการเข้าไม่ถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์และรายได้น้อยเกินกว่าจะผ่อนที่อยู่อาศัยได้ แม้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปลดล็อก LTV ก็ตาม แต่ปรากฏว่า แต่แบงกพาณิชย์เกินครึ่งไม่สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากปัญหาเรื่อง NPL หรือ หนี้เสีย ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เพราะรายได้คนในต่างจังหวัดน้อยลงๆ เรื่อยๆ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไม่คิดนอกกรอบ เศรษฐกิจไทยก็อาจะไปต่อยากลำบาก
ทางออกแบบคิดนอกกรอบ คือ กระตุ้นให้เอกชน กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาลงทุนใน "โครงการอสังหาริมทรัพย์" เพื่อปล่อยเช่าให้กลุ่มที่มีรายได้น้อย
ถ้าเอาเงินตรงนั้นมาหมุนเวียนให้เกิดสภาพคล่องเพื่อช่วยเหลือให้คนรายได้ปานกลาง รายได้น้อย ซึ่งอาจจูงใจด้วยมาตรการทางภาษี มาตรการมากระตุ้นให้คนมีเงินออกมาซื้อที่อยู่อาศัยให้คนรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย เพื่อปล่อยเช่าในราคาต่ำ เช่น บ้านราคา 1 ล้าน หากผู้รายได้รายได้น้อยต้องผ่อนจะต้องผ่อนเดือนละ 7-8 พันบาท เราเช่าจ่ายเดือนละ 2 พันบาท แบบนี้ช่วยลดภาระให้คนมีรายได้น้อยได้
ใน กทม. เราจะเห็นตึกสูง ที่อยู่อาศัยคนมีรายได้สูง ทั้งที่ในเมืองเราต้องการกำลังแรงงานคนมาช่วยขับเคลื่อนทั้งภาคก่อสร้าง ภาคการผลิต แต่ทุกวันนี้คนมีรายได้น้อยถ้าอยู่ในเมืองก็ไปอยู่ในหลืบ ไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี หรือไม่ก็ต้องไปอยู่ไกลๆ ก็มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ดังนั้น ภาครัฐควรออกโมเดลนี้มา อย่างน้อยก็เป็นการลงทุนเพื่อหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
เสนอ "แก้กฎหมายให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ง่ายขึ้น"
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยให้น้ำหนักการพึ่งพิงรายได้จากต่างประเทศ อย่างการส่งออก หรือการท่องเที่ยวมากเกินไป ทั้งที่ในอดีตเคยพึ่งพิงตัวเองถึง 70% ตอนนี้เหลือ 40% เพราะฉะนั้นถ้าเราจะไปต่อ จะต้องเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในเมืองไทย หนึ่งในวิธีที่อยากเสนอคือ การให้สิทธิ์ชาวต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยง่ายขึ้นจากเดิม ซึ่งไม่ถึงกับเปิดเสรี
เพราะในปัจจุบันโครงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีความต้องการสูงมากโดยเฉพาะจีน แต่เป็นไปในรูปแบบการใช้นอมินี ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปอย่างถูกต้องและเปิดเผยตัวตน จากความต้องการของกลุ่มนี้ จะต้องเปิดโอกาสให้คนต่างชาติมาซื้อได้ เช่น แก้กฎหมายให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ภายใต้ข้อกำหนดบางอย่างที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ก็เชื่อว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและเกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
หนุนรัฐเดินหน้าสร้าง "เมืองสุขภาพของโลก"
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป มองว่า หากภาครัฐเดินหน้า "สร้างเมืองสุขภาพของโลกในไทย" ได้จริง จะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศ เพราะในสถานการณ์แบบนี้ลูกค้าจะมองเรื่อง Wellness เป็นอันดับแรกๆ ในการใช้ชีวิต และ AWC มีโอกาสได้เซ็นต์โครงการริมแม่น้ำที่จะเป็น ศูนย์สุขภาพแบบครบวงจรริมน้ำ เพื่อสร้าง จุดแข็ง จุดหมายปลายทางระดับโลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว เพราะเชื่อว่าต่อไป อสังหาริมทรัพย์จะเชื่อมกับไลฟ์สไตล์ทั้งหมด
ขณะที่ อสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มท่องเที่ยว ปัจจุบันประเทศไทย ตอบโจทย์เทรนด์รุ่นใหม่ โดยดูจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยว จากเดิมพัก 1 คืน เพิ่มเป็น 5 คืนกว่า สะท้อนคุณภาพของนักเดินทางยิ่งตอบโจทย์ประเทศไทยให้ Total value ที่คุ้มค่าในเชิงของอสังหาริมทรัพย์ในเชิงการท่องเที่ยว
ในเชิง Commercial จะเห็นว่ามีบริษัทต่างชาติอยากย้ายออฟฟิศเข้ามาอยู่เมืองไทย เห็นอัตราการจองเพิ่มขึ้นจากบริษัทต่างชาติ ดังนั้น ระยะยาวไทยถือว่ามีจุดแข็งมาก
ระยะกลาง เห็นการเดินทางแบบกลุ่ม เช่น กลุ่มที่เข้ามาเพื่อประชุมสัมมนา
ระยะสั้น หลังเปิดประเทศเดือนเมื่อ พ.ย. เริ่มเห็นการจองต่างชาติ อัตราการจอง ในเดือน ธ.ค. 70% ของภาพรวมการจองทั้งหมด ก้าวกระโดด 2 เท่า ก็เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้
