ความคิดเห็นของผู้ที่ประกอบอาชีพพนักงาน ในร้านต่างๆ ย่านถนนข้าวสาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวต่างชาติ อย่าง นางดารุณี สุขดาษ พนังงานนวดร้านข้าวสารสปา มองว่า ไม่เห็นด้วยกับการเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เพราะเวลานี้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 คน จะเข้าไทยต้องใช้งบประมาณในการมาท่องเที่ยวหลักหมื่นถึงหลักแสนอยู่แล้ว ทั้งค่าห้องในการกักตัว ค่าครองชีพอื่นๆ หากเก็บเงินเพิ่มอีก เชื่อว่าจะทำให้ต่างชาติตัดสินใจมาเที่ยวไทยน้อยลง
รัฐบาลจ่อเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ต่างชาติคนละ 300 บาท ดีเดย์ 1 เม.ย. นี้
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันเข้มงวดคัดกรอง นทท.ต่างชาติ
และจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของคนท่องเที่ยว อย่าง ทุกวันนี้ เธอมีลูกค้ามานวดมีเพียง7-8 คนต่อวัน จากเดิมปี 2562 ก่อนโควิดมีมากถึง 60-70 คนต่อวัน จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนมาตรการนี้ด้วย
ด่วน! รพ.จุฬาลงกรณ์ เปิดจองฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไฟเซอร์-โมเดอร์นา จนกว่าสิทธิจะเต็ม
ด้าน นายศักดิ์สิทธ์ ดาหนองแห้ว พนักงานขับรถตุ๊กตุ๊กในย่านนี้ ก็บอกว่า ไม่เห็นด้วยเช่นกันที่จะมีมาตรการนี้ เพราะเป็นการสร้างเงื่อนไขเพิ่มให้ชาวต่างชาติ เพราะต่างชาติที่จะเข้ามาก็ต้องจ่ายค่าตั๋ว ค่ากักตัว ทำเอกสารยุ่งยากอยู่แล้ว พอเดินทางมาถึงสนามบิน ตรวจสอบเอกสารเข้าประเทศก็ค่อนข้างเยอะ และต้องมาเสียเงินและเวลาจ่ายค่าเหยียบแผ่นดินอีก อาจทำให้ต่างชาติไม่พอใจในส่วนนี้
สำหรับค่าเหยียบแผ่นดิน หรือการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศจากนักท่องเที่ยว คนละ 300 บาท จะเริ่มเก็บในวันที่ 1 เม.ย.นี้ หลังจากเลื่อนการบังคับใช้มา เพราะจากเดิมจะเริ่มเก็บช่วงปีใหม่ 2565 สำหรับเงินที่ได้ จะนำไปใส่ในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ นำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในไทย และทำประกันให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต ก็จะได้รับวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท หรือค่ารักษาพยาบาล ได้รับสูงสุด 500,000 บาท เป็นต้น
ศูนย์ฉีดบางซื่อ เตือนนัดฉีดวัคซีนเข็ม 3 มีตกหล่น โปรดเช็กข้อมูลที่นี่
ซึ่งในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเมิน ว่า หากปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา 5 ล้านคน จะสามารถจัดเก็บเงินได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันหลายประเทศมีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินแล้ว ทั้งในยุโรป ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ส่วนใหญ่จะใช้วิธีรวมกับค่าตั๋วเครื่องบิน หรือ ห้องพัก