น.ส.สมหมาย เหลาชำนิ แม่ค้าขายของสด ภายในแคมป์คนงานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ย่านวิภาวดีรังสิต ยอมรับว่าลูกค้าบริโภคเนื้อหมูน้อยลง จากเดิมหนึ่งครอบครัวเคยซื้อหมูเป็นกิโลฯหรือครึ่งกิโลฯ แต่ตอนนี้ลูกค้า ซื้อเนื้อหมูเพียง 2-3 ขีดต่อวัน รวมถึงเลี่ยงไปกินผักและไข่แทน เพื่อลดค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ลูกค้า ยังลดปริมาณการซื้อมะละกอลงด้วยเช่นกัน ทำให้เธอต้องลดปริมาณของที่ซื้อมาขายลดลงด้วย เช่น เนื้อหมูเคยซื้อมาขายวันละประมาณ 3 กิโลกรัม ตอนนี้ลดลงเหลือประมาณ 2 กิโลกรัม
“จุรินทร์” แจ้งข่าวดี ! “มาม่า” ไม่ขึ้นราคา ช่วยลดภาระค่าครองชีพ
ราคาหมูแพง! ส.ส.พลังประชารัฐ แนะ กินเนื้อไก่แทนหมู
ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปทั้งเธอและลูกค้าซึ่งเป็นแรงงานหาเช้ากินค่ำ ก็จะยิ่งลำบาก เพราะตอนนี้อะไรๆ ก็แพง ยกเว้นค่าแรงที่ยังถูกอยู่
ขณะที่ นางคิ่น ภรรยาของแรงงานต่างด้าว ภายในแคมป์แห่งนี้ เธอบอกว่าสามีทำงานหาเงินเพียงคนเดียว เพราะเธอมีลูกเล็กอีก 2 คนที่ต้องดูแล ทำให้ต้องยิ่งระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากกขึ้น เนื่องจากรายได้ของสามีไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับงานที่ทำแต่ละวัน ซึ่งหลังจากค่าครองชีพแพงขึ้น เดิมเงิน 1,000 บาท ที่เคยซื้อของกินได้ 2 สัปดาห์ ตอนนี้พอแค่ใช้จ่ายสัปดาห์เดียวเท่านั้น
นางคิ่น ยังบอกว่าเธอทำงานที่ไทยได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ไม่เคยเจอราคาค่าครองชีพที่แพงขนาดนี้ ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็อยากให้ภาครัฐ ช่วยคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้ถูกลงมากกว่านี้