นักเศรษฐศาสตร์ชี้ เศรษฐกิจปี 65 โตแน่ แต่ไม่ทั่วถึง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ในงานเสวนาออนไลน์ Chula Econ Forum “ความเสี่ยง ความท้าทาย เศรษฐกิจไทย 2565” จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักเศรษฐศาสตร์จากสามสถาบัน กระทรวงคลัง แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ ประสานเสียงเศรษฐกิจปี 65 โตแน่ แต่ไม่ทั่วถึง ไม่ห่วงเงินเฟ้อพุ่งแรง คาดเป็นภาวะชั่วคราว ห่วงประเทศสูญเสียการแข่งขันระยะยาว

ผศ.ดร.นิพิฐ วงศ์ปัญญา รองคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสถานการณ์ราคาสินค้าที่พุ่งสูงจนเกิดความกังวลเรื่อง Stagflation หรือ ภาวะเศรษฐกิจที่เงินเฟ้อสูงแต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ โดยมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้เนื่องจากภาวะนี้เงินเฟ้อต้องเร่งตัวขึ้นสูงมากและเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.4-1.7% จากกรอบเงินเฟ้อที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งไว้ในช่วง 1-3% แสดงว่ายังอยู่ในระดับปานกลาง

ส่งออกไทย ธ.ค. 64 โต 24.2% เครื่องยนต์หลักดันเศรษฐกิจขยายตัว ท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น

เปิด 5 ทำเลเมืองกรุงราคาที่ดินพุ่งสูงสุด แนวรถไฟฟ้า BTS ขยับมากสุด

 

สำหรับราคาสินค้าที่พุ่งสูงช่วงนี้เกิดขึ้นกับสินค้าเพียงบางกลุ่มและราคาน้ำมันขึ้นแรงชั่วคราว อีกทั้งความต้องการของผู้บริโภค (Demand) ยังไม่ได้กลับมาเพิ่มขึ้นมากจนกดดันอัตราเงินเฟ้อ หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเนื่องจากการฉีดวัคซีนแพร่หลาย กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ และมีการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเร่งตัวของเงินเฟ้ออย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้ามาก เราควรมองย้อนกลับมาว่าปัญหาเกิดจากโควิดหรือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยกันแน่ ที่พึ่งพาการส่งออกและท่องเที่ยวมากเกินไป แนะรัฐเร่งปรับกลยุทธ์ลงทุนเพิ่มศักยภาพแรงงานเพื่ออนาคตในระยะยาว ให้จีดีพีกลับมาโตได้ตามระดับศักยภาพตามที่ควรจะเป็น

ด้าน ดร.พิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค กระทรวงการคลัง กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2563 รัฐได้ออกพรก.เงินกู้รวม 1.5 ล้านล้านบาท ในขณะนี้ยังเหลือเม็ดเงินอีกกว่า 1.5 แสนล้านบาทที่จะถูกนำมาให้ต่อในปี 2565 โดยจะเน้นกระตุ้นการลงทุนภาครัฐภาคเอกชน เนื่องจากภาคการผลิตจะเป็นตัวแปรสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ทุกวันนี้สัดส่วนแรงงานไทย 35% อยู่ในภาคการเกษตร แต่สร้างมูลค่าเพิ่มเพียง 6% ของ GDP ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าที่โครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องขึ้นไปสู่อุตสาหกรรมชั้นสูงและไปสู่ภาคบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มในลำดับถัดไป ดังนั้น เพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในระดับ 70% ในขณะนี้ยังมีความจำเป็น ตราบใดที่ภาครัฐยังก่อหนี้แต่ทำให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่าเม็ดเงินที่ลงทุนไป ก็แสดงว่าขาดดุลแต่สร้างผลิตภาพทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น ถือเป็นความยั่งยืนทางการคลังที่ส่งผลดีในระยะยาว และจะเข้าสู่งบประมาณแบบสมดุลได้ในที่สุด

ในขณะที่หนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบข้ามปี น.ส.บัณณรี ปัณณราช ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา ธปท.มีการปรับนโยบายอย่างต่อเนื่อง หากมาตรการใดเข้าถึงได้น้อยก็จะปรับให้ยืดหยุ่นหรือขยายเวลามากขึ้น มีการให้สินเชื่อเพิ่มเติมและเพิ่มเกณฑ์ LTV สำหรับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ให้กู้ยืมได้มากกว่าปกติ แรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้จีดีพีปี 2565 โตได้ตามเป้า 3.4% ต้องมาจากการบริโภคในประเทศเป็นหลัก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับเข้ามา โดยคาดว่าจะมีเพียง 5.6 ล้านคนในปีนี้ ทางธปท.จึงยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ แม้บรรดาประเทศพัฒนาแล้วที่เศรษฐกิจโตแรงจนเงินเฟ้อพุ่งสูงและอาจเกิดการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด แต่ผลกระทบมายังไทยจะเกิดในฝั่งตลาดเงินตลาดทุนเป็นสำคัญ ไม่ได้กระทบกับภาคเศรษฐกิจจริง มั่นใจเครื่องมือรองรับความผันผวนยังมีอยู่ เช่น เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง

พบสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน(BA.2) แล้ว 9 ราย จากผู้เดินทางเข้าประเทศ

ดร.อานันท์ชนก สกนธวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญแบบจำลองเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึงภาพของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ว่าไม่ต่างจากปี 2564 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวในลักษณะ K-shaped recovery จากการส่งออกฟื้นได้ดี แต่ธุรกิจขนาดเล็กยังลำบาก ในช่วงที่ยังไม่สามารถเปิดประเทศได้เต็มที่ รัฐต้องประคับประคองเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไปโดยเร่งติดตามมาตรการที่ออกไปแล้วให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วที่สุด รักษาการจ้างงานในภาคท่องเที่ยวและบริการ รักษาฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมไม่ให้ได้รับผลกระทบจนต้องปิดโรงงาน และต้องดูแลระดับราคาสินค้าและรายได้ภาคการเกษตรไว้ ในระยะถัดไปเมื่อมีการเปิดประเทศ ทางสภาพัฒน์ฯ มองว่าอาจใช้เวลา 3-4 ปี ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาที่ 40 ล้านคนเหมือนช่วงก่อนโควิด โดยเฉพาะจีนมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้น ไทยจึงต้องเน้นเพิ่มคุณภาพของกลุ่มนักเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ให้ประเทศยังสามารถรักษารายได้จากการท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ การประเมินตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้ต้องมีปรับใหม่ทั้งหมดและจะประกาศในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากคาดการณ์เดิมไม่ได้รวมผลกระทบของไวรัสโอมิครอน

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครม.เติมเงินเข้าบัตรคนจน คนละ 600 บาท แบ่งจ่ายเดือนละ 200 บาท เริ่ม 1 ก.พ.นี้

 

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ