ชี้ช่องเอาตัวรอดจาก “วิกฤตปุ๋ยแพง”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ทางรอดจาก “ราคาปุ๋ยแพง” หลังได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แหล่งส่งออกปุ๋ยอันดบ 1 ของโลก เน้นใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนให้มากขึ้น

ปุ๋ย เป็นสินค้าที่ไทยได้รับผลกระทบเนื่องจากก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยไนโตรเจนมีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาปุ๋ยไนโตรเจนสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่รัสเซียผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีอันดับ 1 ของโลก จำกัดการส่งออกปุ๋ยไนโตรเจนตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว เพื่อควบคุมเงินเฟ้อกลุ่มราคาอาหารที่สูงขึ้น และป้องกันการขาดแคลนปุ๋ยในประเทศ

ผวาผลกระทบสงครามยูเครน ดันส่งออกข้าวไทยเดือนก.พ.พุ่ง 38.3%

เปิด 3 ฉากทัศน์ ปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนฉุดยอดขายรถในไทยต่ำคาดการณ์

และจากกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครนในเดือนมีนาคม 2565 รัสเซียระงับการส่งออกปุ๋ยและสินค้าอื่น ๆ กว่า 200 รายการ ตอบโต้การคว่ำบาตร รวมทั้งจากการที่จีนที่มีนโยบายส่งออกปุ๋ยน้อยลง

จึงส่งผลให้ราคาปุ๋ยทั่วโลกรวมทั้งไทยปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบทางอ้อมต่อภาวะเงินเฟ้อของไทย ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น

ซึ่งการแก้ไขปัญหาปุ๋ยราคาแพง นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า

ระยะสั้น ใช้ปุ๋ยเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ ในสัดส่วนที่เหมาะสมคุ้มค่า และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนให้มากขึ้น รวมถึงการกระจายแหล่งนำเข้า โดยอาจนำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น และหาแหล่งนำเข้าแม่ปุ๋ยแหล่งใหม่เพิ่มเติม เช่น ตุรกี (แม่ปุ๋ยไนโตรเจน) และบราซิล (แม่ปุ๋ยโพแทสเซียม)

ระยะกลาง ส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในประเทศให้มากขึ้น ใช้วัสดุอินทรีย์เหลือทิ้งจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกรในการจำหน่ายวัตถุดิบเหลือใช้จากการเกษตรนำมาทำปุ๋ยอินทรีย์

ระยะยาว ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Fertilizer) กำหนดเป้าหมายการผลิตและการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น เก็บข้อมูลให้ตลาดปุ๋ยภายในประเทศ รวบรวมข้อมูลความต้องการใช้กับปริมาณปุ๋ยภายในประเทศ รวมทั้งข้อมูลราคา การกระจายของสินค้า โดยอาจมีการแจ้งเตือนสต็อกล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดการกักตุน หรือปรับเพิ่มราคา

 

 

 

ที่ผ่านมาไทยจำเป็นต้องนำเข้าปุ๋ย เนื่องจากผลิตได้ไม่พอต่อความต้องการใช้ในประเทศ ในปี 2564 ไทยนำเข้าปุ๋ยรวม 5.6 ล้านตัน เป็นมูลค่า 73,860.20 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • ปุ๋ยไนโตรเจน 2.74 ล้านตัน มูลค่า 33,185.24 ล้านบาท
  • ปุ๋ยผสม 1.92 ล้านตัน มูลค่า 30,081.50 ล้านบาท
  • ปุ๋ยโพแทสเซียม 0.98 ล้านตัน มูลค่า 10,558.40 ล้านบาท
  • ปุ๋ยฟอสฟอรัส 4,238.7 ตัน มูลค่า 15.43 ล้านบาท
  • ปุ๋ยอินทรีย์ 490.5 ตัน 19.62 มูลค่า 19.62 ล้านบาท

แหล่งนำเข้าปุ๋ยที่สำคัญของไทย ได้แก่ จีน (ร้อยละ 22.3)  ซาอุดิอาระเบีย (ร้อยละ 14.5) มาเลเซีย (ร้อยละ 8.8) รัสเซีย (ร้อยละ 7.9) และกาตาร์ (ร้อยละ 7.0)  

สำหรับ รัสเซียเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกปุ๋ยที่สำคัญของโลก ข้อมูลสถิติจาก Trade Map พบว่า ปี 2563 รัสเซียเป็นผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีอันดับที่ 1 ของโลก มีปริมาณทั้งสิ้น 34.13 ล้านตัน มูลค่า 6,992.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 13.01 ของมูลค่าการส่งออกปุ๋ยเคมีโลก

โดยชนิดปุ๋ยที่รัสเซียมีการส่งออก

  • ปุ๋ยไนโตรเจน 13.73 ล้านตัน มูลค่า 2,484.58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • ปุ๋ยผสม 10.82 ล้านตัน มูลค่า 2,731.33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • ปุ๋ยโพแทสเซียม 9.58 ล้านตัน มูลค่า 1,776.48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • และ ปุ๋ยฟอสฟอรัส 1,714 ตัน มูลค่า 0.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ราคาทองวันนี้ พลิกบวก 50 บาท พื้นตัวหลังไม่หลุดแนวรับ 1,924 ดอลลาร์

"สุชาติ" จ่อเซ็นประกาศ "ปรับสูตรคำนวณบำเหน็จชราภาพ" ทายาทรับเงินเพิ่ม

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ