ราคาหมูทยอยปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 66 แม้ว่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค และพ่อค้าแม่ค้าสามารถขายเนื้อหมูได้ในจำนวนที่มากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็กังวลว่าราคาหมูที่ปรับลดลงครั้งนี้ อาจเกิดมาจากปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย
วันนี้ 22 ก.พ.66 ทีมข่าว PPTV ได้ลงพื้นที่สำรวจเขียงหมูที่ตลาดสดห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยพ่อค้าแม่ค้า ให้ข้อมูลระบุว่า ราคาหมูปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี
หากนับจากวันที่ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ราคาเนื้อหมูเฉลี่ยลดลงมาประมาณ 20-30 บาทต่อกิโลกกรัม
โดยปัจจุบันราคาหมูเนื้อแดงในตลาดห้วยขวางขาย อยู่ที่ กิโลกกรัมละ 160 บาท, หมูสามชั้น กิโลกกรัมละ 210 บาท, หมูบด กิโลกกรัมละ 160 บาท, สันใน กิโลกกรัมละ 180 บาท และสันนอก กิโลกกรัมละ 180 บาท
อย่างไรก็ตาม แม่ค้ารายหนึ่ง ระบุว่า การลดราคาเนื้อหมู กลับเป็นผลดีต่อทั้งแม่ค้าและผู้บริโภคที่จะได้ซื้อเนื้อหมูในราคาถูก แต่ในขณะเดียวกันผู้ค้าบางส่วน มองว่า อาจเกิดการขายตัดราคากันได้ และผู้บริโภคก็จะมีความเสี่ยงที่จะได้เนื้อหมูที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน
ทั้งนี้ตลาดห้วยขวาง ได้มีการตรวจสอบคุณภาพเนื้อหมูสดอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมอนามัย เข้ามาเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจเป็นประจำทุกสัปดาห์
ขณะที่มีข้อมูลจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกาศปรับลดราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม รวมถึงราคาขายปลีกและขายส่งในทุกภาค และราคามีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาหมูลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ
ภาคตะวันออก ปรับลดราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลงกิโลกรัมละ 6 บาท ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 10 บาท ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 4 บาท มาอยู่ที่ 166-172 บาทต่อกิโลกรัม
ภาคอีสาน ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลงกิโลกรัมละ 8-10 บาท ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 16 บาท และราคาขายปลีกปรับลดลง 20 บาท
ภาคเหนือ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลงกิโลกรัมละ 6 บาท ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 10 บาท และราคาขายปลีกปรับลดลง 12 บาท
ภาคใต้ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลง 4 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 7 บาท ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 8 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 170 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ย้อนไปเมื่อต้นเดือน ม.ค. ในปี 65 ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดต่ำกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี เนื่องจากมีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรเร่งจับหมูก่อนเวลา เพราะกลัวว่าราคาจะลดลงต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ผลผลิตจึงออกสู่ตลาดจำนวนมาก ราคาจึงย่อตัวลงตามกลไกตลาด สวนทางกับต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่แพงขึ้น
ซึ่งแม้ว่าต้นปี 66 ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์จะได้ฝังทำลายชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อหมูไปกว่า 720,000 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท ถือเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ คาดการณ์ว่าหมูที่ถูกทำลายไปแล้วดังกล่าวเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของหมูทั้งหมดที่มีการลักลอบนำเข้าม
ด้านผู้ค้าหมูได้ฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยเร่งแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเนื้อหมูจากต่างประเทศอย่างจริงจัง เพราะนอกจากจะทำลายอุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูของไทย ทำให้มีอุปทานส่วนเกินแล้ว ยังเสี่ยงที่จะนำโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF เข้ามาในระบบด้วย