“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”รุ่นเก่า รีบใช้สิทธิ ก่อนหมดเขต 31 มี.ค. นี้


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กระทรวงการคลัง เตือนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รุ่นเก่ารีบใช้สิทธิก่อนหมดเขต 31 มี.ค. 66 ส่วนผู้ถือบัตรใหม่ ยืนยันตัวตนสำเร็จภายใน 26 มี.ค. เริ่มใช้สิทธิ 1 เม.ย. นี้

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีบัตรฯ) ตามโครงการ ปี 2560 และปี 2561 ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนกว่า 13.1 ล้านรายสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. การใช้วงเงินสิทธิสวัสดิการหลัก สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ภายในเวลา 22.00 น. ดังนี้

คอนเทนต์แนะนำ
“สัปดาห์หนังสือ 2566” จัดที่ไหน เริ่มเมื่อไร เปิด-ปิดกี่โมง
เลือกตั้ง 2566 : เปิดวิธีลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งใน-นอกเขตเลือกตั้ง
“Motor Show 2023” จัดงานวันไหน-เช็กวิธีเดินทาง จุดจอดรถ ที่นี่!

 

1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน หรือ 300 บาทต่อคนต่อเดือน

1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน

1.3 วงเงินค่าโดยสารรถองค์การขนส่งมวลขนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบบ e-Ticket /รถไฟฟ้า จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน

1.4 วงเงินค่าโดยสารรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน

1.5 วงเงินค่าโดยสารรถไฟ จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน

2. มาตรการการจ่ายเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินเพิ่มเบี้ยความพิการให้แก่ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและมีบัตรฯ ประจำเดือนมีนาคม 2566 ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566

3. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า และมาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปาประจำเดือนมีนาคม 2566 ผู้มีบัตรฯ ตามโครงการฯ ปี 2560 และปี 2561 ในปัจจุบันจะได้รับการชดเชยค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาตามเงื่อนไขของมาตรการดังกล่าวผ่าน e-Money ภายในเดือนพฤษภาคม 2566

ทั้งนี้ หากผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามโครงการฯ ปี 2560 และ ปี 2561 ยังคงมีเงินเหลืออยู่ในช่อง e-Money ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถถอนเงิน e-Money ได้ที่ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) และที่สาขาของธนาคารกรุงไทยฯ หรือสามารถใช้เงินดังกล่าวในการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินที่รับจ่ายเงิน (EDC) และแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่ร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ได้จนถึงวันที่ 27 กันยายน 2566

โฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 จำนวน 12.5 ล้านราย จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ในวันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จกลุ่มดังกล่าวจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ ดังนี้

1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.

2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือนตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.

3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท ได้แก่ (1) รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) (2) รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) (3) รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bangkok Mass Transit System : BTS) รถไฟฟ้ามหานคร (Metropolitan Rapid Transit : MRT) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (4) รถไฟ (5) รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร (6) รถเอกชนร่วม บขส.   และรถเอกชน (7)รถสองแถวรับจ้าง และ (8)เรือโดยสารสาธารณะ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ

กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มเติมประเภทระบบขนส่งเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และจะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป

4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด

5. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับสิทธิยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิมีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด

สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาภูมิภาค

โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับสิทธิไม่จำเป็นต้องสำรองเงินในการชำระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาแต่อย่างใด โดยผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิที่ประสงค์รับสิทธิในมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาจะต้องดำเนินการลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการดังกล่าวก่อนการเริ่มใช้สิทธิ

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https:// บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

คอนเทนต์แนะนำ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ยืนยันตัวตนสำเร็จภายใน 26 มี.ค.เริ่มใช้สิทธิ 1 เม.ย.นี้
อาลัย “ถนอม สามโทน” เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคมะเร็งตับ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เช็ก! ช่วงเวลายืนยันตัวตน-วันเริ่มใช้สิทธิ
8 วิธีเลี่ยง “มะเร็งตับ” ใครบ้างเสี่ยง ? ควรตรวจสุขภาพแบบเจาะจง

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ