เคล็ดลับ "ไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย" เทพเจ้าแห่งโชคลาภ พร้อมเวลา ทิศมงคล และคาถา รับ "ตรุษจีน 2567"


โดย PPTV Online

เผยแพร่




รู้จักตำนาน “ไฉ่ซิงเอี๊ย” สาเหตุที่ต้องไหว้เป็นองค์แรก ๆ ช่วงตรุษจีน เพื่อเสริมมงคลให้ประสบความสำเร็จ มีโชคลาภ ความรักสามัคคีในครอบครัว

“ไฉ่ซิงเอี๊ย” เป็นเทพเจ้าของจีนที่เชื่อกันว่าจะช่วยประทานพรเกี่ยวกับโชคลาภ ความร่ำรวย สุขภาพ ความรักสามัคคีปรองดองกันในครอบครัว ชาวจีนจะกราบไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยเป็นองค์แรก ๆ ในตรุษจีน เพราะถือว่าเป็นเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ศักราชใหม่

รวมความเชื่อวัน "ตรุษจีน" ตี๋หมวยต้องรู้! อะไรทำได้ อะไรห้ามทำ?

ปฏิทินจีน 2567 รวมวันไหว้ และเทศกาลสำคัญ ตรุษจีน-เช็งเม้ง-สารทจีน-ไหว้พระจันทร์

ตรุษจีน 2567 “แต๊ะเอีย-อั่งเปา” ให้เท่าไหร่ถึงเฮงตลอดปี!

ฤกษ์ไหว้เทพไฉ่ซิงเอี้ยปี 2567

ด้วยเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย จะลงมาโลกมนุษย์ปีละ 1 ครั้ง ในวันตรุษจีน ทำให้ช่วงเวลาที่ควรไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย แตกต่างกันไปในแต่ละปี สำหรับปีมะโรง 2567 นี้ หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา เคยแนะนำเอาไว้ว่า

เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย พีพีทีวี
บทสวดขอพร

ทิศมงคลในการไหว้เทพเจ้า คือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยฤกษ์ที่ดีที่สุดการไหว้ตรงกับ คืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 23.00-01.00 น.

คาถาบูชา พร้อมขอพร

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)

โอม ชัมภาลา จาเลนไน เยโซฮา (3 จบ 5 จบ 9 จบ 12 จบ หรือ 13 จบ ตามสะดวก)

จากนั้นกล่าวขอพรดังนี้ “ข้าพเจ้า ..(ระบุชื่อ-นามสกุล).. เกิดวันที่ ..(ระบุวันเดือนปีเกิด).. อาศัยอยู่บ้านเลขที่ ..(ระบุที่อยู่ให้ชัดเจน).. ขออัญเชิญเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยลงมาสถิตในบ้าน เพื่ออำนวยอวยพรให้ข้าพเจ้าและครอบครัวประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง ร่มเย็นเป็นสุข และอุดมสมบูรณ์ด้วยโชคลาภ คิดทำการสิ่งใดให้ร่ำรวย ประกอบการงานการค้าใดขอให้ก้าวหน้า สมปรารถนาในสิ่งที่หวังไว้ทุกประการด้วยเทอญ”

ทั้งนี้ในการสักการบูชาและขอพรเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย ให้ใช้ธูป 3 ดอก

การจัดโต๊ะเครื่องสักการบูชา

การจัดโต๊ะเครื่องสักการบูชาเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย มีหลักการวางดังนี้

  • จุดที่ 1 : รูปภาพ / รูปปั้นองค์ไฉ่ซิงเอี้ย
  • จุดที่ 2 : เชิงเทียนและแจกันดอกไม้ อย่างละ 1 คู่
  • จุดที่ 3 : กระถางธูป 1 ใบ
  • จุดที่ 4 : ถ้วยน้ำชา 5 ถ้วย
  • จุดที่ 5 : ขนมอี๊ (สาคูแดงต้มสุก) 5 ถ้วย
  • จุดที่ 6 : ผลไม้มงคล 5 อย่าง และเจไฉ่ (อาหารเจ 5 อย่าง ได้แก่ เห็ดหอม เห็ดหูหนู ดอกไม้จีน วุ้นเส้น และฟองเต้าหู้) รวมถึงขนมจันอับ 1 จาน
  • จุดที่ 7 : กระดาษเงินกระดาษทอง

เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย พีพีทีวี
วิธีจัดโต๊ะไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย

แต่ทำไมท่านถึงเป็นองค์เทพที่ชาวจีนให้ความสำคัญกันมาก มีตำนานเล่าขานที่แตกต่างกันมากมาย ส่วนใหญ่แล้ว ล้วนเล่ากันมาต่อว่า "เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย" มี 2 องค์ คือ เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยองค์บุ๋น และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๋ โดยองค์บุ๋นมีชื่อเว่า “ปี่กาน” ส่วนองค์บู๋มีชื่อเดิมว่า “จ้าวกงหมิง”

ตำนานไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น

ในสมัยที่ “ปี่กาน” เป็นอัครมหาเสนาบดีของจักรพรรดิอินโจ้ว ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์อิน ทรงลุ่มหลงในอิสตรี ไม่ใส่ใจราชกิจ และมีสนมนามว่า “โซวถังอี้” เป็นหญิงงามที่ลือชื่อ

“ปี่กาน” เป็นขุนนางผู้ซื่อตรง พยายามจะเตือนองค์จักรพรรดิให้หันมาสนใจราชกิจ แต่พระองค์ไม่สนพระทัยต่อคำเตือน “ปี่กาน” จึงวางแผนให้ทหารไปจับสุนัขจิ้งจอกมาทำเสื้อคลุมถวายแด่องค์จักรพรรดิ เพราะเชื่อว่า “โซวถังอี้” เป็นปีศาจจิ้งจอกแปลงกายมา เมื่อพบเห็นเสื้อคลุมก็จะตกใจ และหนีไป

แต่เหตุการณ์กับตรงกันข้าม เพราะ “โซวถังอี้” ไม่ตกใจ และยังวางแผนเล่นงานปี่กานกลับคืนอีกด้วย ขณะนั้น “เจียงไท้กง” เทพเจ้าผู้ทำหน้าที่ต่างตั้งเทพเจ้าองค์ต่างๆ กำลังนั่งบำเพ็ญตบะ ก็เกิดอาการร้อนใจ จึงคิดหาทางช่วย “ปี่กาน” ด้วยการแปลงกายไปเป็นชายชราออกมาประกาศขายหัวใจ “ปี่กาน” ได้ยินดังนั้นก็ถามกลับว่า หัวใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่มีแล้ว จะอยู่ได้อย่างไร

ชายชราจึงบอกแก่ “ปี่กาน” ว่า หัวใจเป็นต้นเหตุของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หากหัวใจไม่เที่ยงธรรม มือเท้าย่อมทำแต่สิ่งไม่ดี ถ้าเอาหัวใจออกไปขายเสีย ต่อไปก็จะไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีแต่ความยุติธรรม จัดการปัญหาต่างๆ อย่างยุติธรรม เป็นเช่นนี้มิใช่ประเสริฐกว่าหรือ

“ปี่กาน” ก็ยังคงยืนยันคำเดิม ชายชราจึงบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ หลังจากนั้นชราจึงนำยาวิเศษออกมาให้ปี่กานชื่นชม หลังปี่กานได้สูดดมกลิ่นยาวิเศษที่เต็มไปด้วยความหอม พอรู้ตัวอีกทีชายชราก็หายไป

เช้าวันรุ่งขึ้น องครักษ์หลายนายได้เชิญตัว “ปี่กาน” ไปเข้าเฝ้าแต่เช้า เขารู้สึกแปลกใจ เพราะจักรพรรดิอินโจ้วไม่เคยสนพระทับว่าราชการ เขาจึงถามไถ่องครักษ์ จึงทราบว่า พระสนมโซวถั้งอี้ เป็นโรคประหลาด หมอหลวงอับจนหนทางไม่มีปัญญาที่จะรักษาได้ แต่หัวใจเขาเท่านั้นที่จะสามารถใช้รักษาโรคนี้ได้

“ปี่กาน” จึงรีบไปหยิบยาวิเศษออกมากิน แล้วตามเหล่าองครักษ์เพื่อเข้าเฝ้า พอมาถึงท้องพระโรง จักรพรรดิอินโจ้วก็ตรัสขอหัวใจของ “ปี่กาน” เพื่อนำไปใช้รักษาอาการป่วยของพระสนมโซวถังอี้ “ปี่กาน” จึงกล่าวเตือนสติแต่ไม่เป็นผล กลับสั่งให้ทหารควักหัวใจของเขาออกมา

แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แม้จะควักหัวใจออกมาแต่ไม่มีแม้เพียงเลือกสักหยด ตั้งแต่นั้นมา “ปี่กาน” ก็ออกท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ โปรยเงินทองแจกจ่ายแก่ผู้คน กลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ และตามตำนานกล่าวกันว่า เพราะ “ปี่กาน” ไม่มีหัวใจนี่เอง เขาจึงโปรยเงินโปรยทองแก่ผู้คนทั่วไป โดยไม่เลือกว่าคนนั้นดีหรือคนนี้ไม่ดี ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

ด้วยท่าน เป็นข้าราชการผู้ซื่อตรง รูปลักษณ์ของท่านจึงมีหน้าตาดูใจดี หัตถ์ข้างหนึ่งถือคฑาหยูอี้ สัญลักษณ์แห่งสิริมงคล และหัตถ์อีกข้างถือก้อนท้อง สัญลักษณ์ของความร่ำรวย คนส่วนมากนิยมอัญเชิญมากราบไหว้ใน ธุรกิจห้างร้าน ร้านค้า หรือที่บ้าน เพื่อช่วยให้ธุรกิจการงานเจริญก้าวหน้า ประสบความสำเร็จไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง สามารถผ่านพ้นอุปสรรคใดๆ ด้วยความราบรื่น

รวม 10 ไอเทมสีแดง ต้อนรับ "วันตรุษจีน 2567" มีไว้อั่งเปาเต็มเป๋า!

"9 ของไหว้ตรุษจีน" เช็กอาหารคาว-หวาน-ผลไม้มีอะไรบ้าง พร้อมความหมาย

ตำนานไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๋

อีกตำนานเล่าขานกันว่า “จ้าวกงหมิง” บำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาบ้อไบ้ และสำเร็จมรรคผลเป็นเซียนมีฤทธิ์มาก แต่กลับเกิดอาการเพี้ยน กลายเป็นนักพรตกังฉิน คดโกง ไม่ซื่อตรง ที่ทั้งเก่ง และอำมหิต ต่อมา “จ้าวกงหมิง” ก็ได้ถวายตัวรับใช้จักรพรรดิอินโจ้ว

ครั้งหนึ่ง “จ้าวกงหมิง” ได้ขัง “เทพเจ้าเจียงไท้กง” ไว้ในค่ายกลสิบทิศ “เทพเจ้าเจียงไท้กง” พยายามหาทางออกเท่าไรก็ไม่พบ และถูก “จ้าวกงหมิง” ทำร้ายปางตาย ซ้ำยังขู่เข็ญให้เจียงไท้กงแต่งตั้งตัวให้เป็น “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” จึงจะปล่อยตัวให้เป็นอิสระ

“เทพเจ้าเจียงไท้กง” ไม่มีทางเลือกจึงยื่นขอเสนอให้แก่จ้าวกงหมิงว่า เวลานี้ “ปี่กาน” เป็นผู้ครองตำแหน่งนี้อยู่ ถ้าเจ้ามีความสามารถให้ไปนำหัวใจของปี่กานออกมา ทำให้เขาสิ้นชีพวายชนม์เสีย ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้ ก็จะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

“จ้าวกงหมิง” จึงสั่งเสือดำให้ไปนำเอาหัวใจของ “ปี่กาน” มา ในฝั่งของ “ปี่กาน” ที่กำลังโปรยเงินทองเดินทางมาเรื่อย ๆ จนได้มาพบกับเสือดำ มันกระโจนใส่ตัว “ปี่กาน” จากนั้นมันก็เริ่มตะกุยหน้าอกเพื่อควานหาหัวใจ แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ แม้เสือดำจะไม่ได้หัวใจของ “ปี่กาน” ไป แต่กงเล็บของมันที่ตะกุยอยู่ในทรวงอกของปี่กานนั้น ทำให้อวัยวะภายในของปี่กานเกิดความสับสน อยู่ผิดที่ผิดทาง

ส่งผลให้ “ปี่กาน” กลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ไม่เที่ยงธรรมนัก เขามักโปรยปรายเงินทองอย่างลำเอียง เจอใครก่อนก็ให้คนนั้นก่อน ทำให้คนที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ก็ยิ่งร่ำรวยยิ่งขึ้น ส่วนคนยากจนก็ยังคงยากจนต่อไป เพราะเป็นเรื่องลำบากไม่น้อย ที่จะหาเครื่องเซ่นไหว้ดี ๆ มาบูชาตอนที่เขาออกมาเยือนผู้คนในแดนมนุษย์

ทางฝ่าย “จ้าวกงหมิง” แม้ไม่ได้เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภตามที่ปรารถนา แต่เนื่องจาก “เทพเจ้าเจียงไท้กง” เคยตกปากรับคำไว้ เจียงไท้กงจึงประทานของวิเศษให้ 4 ชิ้น คือ เจียป้อ หนับเตียว เจียไช้ และหลี่ฉี้ ซึ่งเป็นของวิเศษที่ใช้เรียกเงินเรียกทองให้ไหลมาเทมา การค้าราบรื่น มีกำไรดี

ดังนั้นชาวจีนจึงพากันกราบไหว้ “จ้าวกงหมิง” เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภอีกองค์หนึ่ง และด้วยเหตุที่ว่า “จ้าวกงหมิง” เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก ชาวจีนจึงยกย่องให้เป็น เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊

สำหรับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยปางนี้ จะหน้าดุๆ ประทับอยู่บนหลังเสือ ถือกระบอง และก้อนทอง เชื่อกันว่าถ้าใครได้สักการบูชา ท่านจะประทานพรช่วยเรื่องหนี้สิน ให้ผู้บูชาเก็บหนี้ได้ง่ายขึ้น ลูกหนี้ไม่คิดเบี้ยวให้ต้องลำบากใจ นอกจากนี้ยังมีอนุภาพช่วย ดูแล และควบคุมบริวาร ตลอดจนลูกจ้างให้อยู่ในระเบียบวินัย มีความขยันในการทำงานด้วย ดังนั้น เจ้าของกิจการ บรรดาข้าราชการ ทหาร หรือตำรวจ จึงนิยมบูชา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์โหรเลขศาสตร์มาตรฐาน และ หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา

TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ