การเลือกครีมกันแดดในช่วงหน้าร้อน ต้องเลือกลักษณะของครีมกันแดดให้เป็นประเภทที่บางเบา ดูดซึมเร็ว และไม่เหนียว เลือกตัวที่มีลักษณะพิเศษของตัวเนื้อ เช่น กันแดดเนื้อโฟมมูส ซึ่งมีความบางเบา ไม่เหนอะหนะ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ที่สำคัญในครีมกันแดดที่เราใช้จะต้องสามารถป้องกัน UVA UVB และต้องป้องกันรังสีที่เราเรียกว่าเป็น Visible Light แสงสีฟ้า หรือ Infrared ที่จะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย เกิดฝ้า กระ การสร้างเม็ดสีผิดปกติ เกิดผื่นแพ้แสง จนถึงขั้นมะเร็งผิวหนัง
- การจะดูว่าครีมกันแดดสามารถป้องกัน UVB (ที่ทำให้ผิดไหม้แดง) แค่ไหน? เราจะดูที่ค่า SPF ซึ่งโดยปกติจะต้องการ SPF 30 แต่ยิ่ง SPF 50 ก็จะยิ่งดี เนื่องจากค่า SPF จะเป็นค่าที่บ่งบอกว่าเราทนต่อการที่ผิวของเราถูกแดดแล้วแดงได้แค่ไหน
- สำหรับการเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกับ UVA (ที่ทำให้ผิวคล้ำดำ) เลือกค่า PA++++ และต้องเลือกตัวที่สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระระดับสูง ซ่อมแซมเซลล์ผิวและ DNA ที่ถูกแสงแดดทำลาย
- ต้องไม่มีสารกันบูดประเภทพาราเบน (Paraben free) ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบต่อฮอร์โมน
ทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพสูลสุด ดังนี้
1.ทาเป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้ออกไปตากแดดก็ตาม ยังต้องทาครีมกันแดดไว้เสมอ เนื่องจากรังสี UV สามารถผ่านทะลุกระจกได้ รวมทั้งก้อนเมฆได้ ฉะนั้นผิวเราจึงต้องเผชิญกับรังสี UV ตลอดเวลา
2.เลือกครีมกันแดดที่มี SPF ให้เหมาะกับกิจกรรมที่ทำ
3.ปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะ ได้ประสิทธิภาพตามที่ระบุไว้ข้างกล่องผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด
- สำหรับลำตัว แนะนำให้ทาประมาณเท่ากับ 2 ช้อนโต๊ะ
- สำหรับใบหน้าและลำคอ ขึ้นอยู่กับเนื้อของผลิตภัณฑ์ ถ้าในรูปแบบครีม แนะนำให้บีบเนื้อผลิตภัณฑ์เท่ากับ สองข้อนิ้วมือแล้วแบ่งทาทีละครึ่งหนึ่ง ถ้าอยู่ในรูปแบบของโลชั่นให้บีบไว้บนฝ่ามือ ใหญ่เท่าประมาณเหรียญ 10 แล้วแบ่งทาทีละครึ่งเหรียญ
4.ควรทาก่อนออกแดด 30 นาที
5.ในวันที่ต้องออกกลางแจ้งบ่อย ๆ เช่น การเล่นกีฬา แนะนำให้ทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง