ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าอาชีพ “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” เป็นหนึ่งในสายอาชีพใหม่ที่มีคนสนใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยูทูบเบอร์ สตรีมเมอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องอยู่คู่กับคนเหล่านี้ คือเรื่องของ “อุปกรณ์ถ่ายทำ”
สำหรับครีเอเตอร์หน้าใหม่ พวกเขาอาจมีอุปกรณ์เป็นเพียงโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง อาจจะมีขาตั้งหรือไทรพอดอีกสักตัว และเมื่อเริ่มอยู่ตัว สิ่งที่พวกเขาต้องการอาจเป็นการอัปเกรดอุปกรณ์เป็นกล้องดี ๆ สักตัวที่จะตอบโจทย์การทำงานของครีเอเตอร์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนะธนาคารเคร่งครัด "พ.ร.ก.อาชญากรรมไซเบอร์" อายัดบัญชีทันทีหลังรับแจ้ง
สภาพอากาศช่วง 31 มี.ค. – 6 เม.ย. ร้อนจัดหลายพื้นที่
9Near แฮกข้อมูลคนไทย 55 ล้านคน รวมคนดังโดนด้วย
จุดนี้เองที่เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในปีนี้ของ “แคนนอน” (Canon) ประเทศไทย ภายใต้การบริหารของ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งประกาศเดินเกมรุกตลาดกล้องถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอระดับมืออาชีพ ตอกย้ำการเป็นผู้นำอันดับ 1 ของโลกในตลาดกล้องดิจิทัลถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (DILC) มาต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2003
แคนนอนประกาศเปิดตัวไลน์อัปกล้องมิเรอร์เลสใหม่ ที่จะตอบสนองเทรนด์การถ่ายภาพและวิดีโอของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ยุคใหม่ โดยเปิดตัวครบเซ็ตทั้ง EOS R8 กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมที่ผสานขุมพลังการถ่ายภาพวิดีโอสุดคมชัดและฟีเจอร์ภาพนิ่งคุณภาพสูง และ EOS R50 กล้องมิเรอร์เลส APS-C ขนาดกะทัดรัด มาเสริมไลน์อัพสำหรับมือใหม่สาย Vlogger หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ พร้อมระบบ AI อัจฉริยะที่ช่วยคิดแทนทำให้ทุกการสร้างสรรค์คอนเทนต์เป็นเรื่องง่าย
นอกจากนี้ แคนนอนยังได้เปิดตัวแคมเปญ You ‘R Creator พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมการตลาดหลายรูปแบบ เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวิดีโอครีเอเตอร์ตั้งแต่มือสมัครเล่นจนถึงมืออาชีพ ให้รู้จักกับ EOS R8 และ EOS R50 กล้องที่ใช้ง่ายและพร้อมตอบโจทย์การใช้งานและลุยไปกับครีเอเตอร์ได้ทุกที่ ภายใต้นิยามที่ว่า “EOS R8 และ EOS R50 เพื่อสนิทของเหล่าครีเอเตอร์”
ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แคนนอน ให้ความสำคัญกับฟีดแบ็กของผู้ใช้และนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราตอบโจทย์ความต้องการของผู้รักการถ่ายภาพทุกกลุ่ม”
เขาเสริมว่า การเปิดตัวกล้อง EOS R8 และ EOS R50 รุ่นใหม่เป็นอีกก้าวหนึ่งของแคนนอนในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุคดิจิทัลซึ่งสนใจคอนเทนต์วีดีโอบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น
“ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นวิดีโอครีเอเตอร์ได้ ถ้ามีความคิดสร้างสรรค์ เรื่องราวที่น่าสนใจ และกล้องดี ๆ สักตัว ซึ่งกล้อง Canon EOS R8 และ R50 มาพร้อมเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถเล่าเรื่องราวผ่านวิดีโอ ไม่ว่าจะทำ Vlog ท่องเที่ยว, ทำอาหาร, รีวิวสินค้า, คอนเทนต์กีฬา, แฟชั่น, แบ่งปันให้ความรู้ หรือต่อยอดสู่การสร้างรายการผ่านช่องทางออนไลน์ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย” ฮิโรชิกล่าว
ด้าน เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “กล้อง Canon รุ่น EOS R8 และ EOS R50 จะมาเสริมทัพไลน์อัปให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่เพิ่มความแม่นยำและสะดวกสบาย ทั้งระบบ AI ตรวจจับโฟกัสและฟังก์ชัน Close up เพื่อโชว์สินค้าระยะใกล้ขณะไลฟ์สตรีมได้อย่างลื่นไหล”
เนตรนรินทร์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานของแคนนอนประเทศไทยในปีนี้จะแข็งแรงกว่าเดิม โดยขณะนี้เทรนด์ของตลาดย้ายมาที่กล่องมิเรอร์เลส
เธอให้ข้อมูลว่า ปีที่แล้วภาพรวมผลิตภัณฑ์กล้องขายได้ประมาณ 95,000 ตัว ลดลง 13% จากปี 2021 โดยที่ 55,000 ตัวหรือเกินครึ่งเป็นกล้องมิเรอร์เลส และในกลุ่มมิเรอร์เลส พบว่ากล้องฟูลเฟรมโตมากที่สุด
สำหรับยอดขายที่ลดลงในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเกิดจากปัญหาตลาดลด ความต้องการหดหาย ประกอบกับการนำเข้าชิปจากต่างประเทศขาดตอน เกิดการขาดแคลนชิปในช่วงโควิด-19
แคนนอนประเทศไทยประเมินว่า คาดว่าปีนี้ตลาดจะทรง ๆ แต่ฟูลเฟรมยังโตได้อีกนิดหน่อย โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไว้ที่ 20% และตั้งเป้าขยายตลาดทุกคีย์โปรดักต์ ไม่ว่าจะเป็น กล้อง ปรินเตอร์ และเครื่องถ่ายเอกสาร รวมถึงอาจมีการขยับไปยังธุรกิจระบบกล้องวงจรปิดและ Imaging Solution
การเติบโตคาดว่าจะได้แรงหนุนจากทั้งฝั่งคอนเทนต์ครีเอเตอร์พอสมควร “คอนเทนต์ครีเอเตอร์เกิดใหม่ทุกวัน เขาทำแล้วสร้างรายได้ ก็อยากอัปเกรด อินฟลูเอนเซอร์เกิดทุกวัน คนที่เคยทำผ่านมือถือ เขาก็อยากอัปเกรด โดยปัจจุบันเชื่อว่ามีครีเอเตอร์ที่สร้างสรรค์ผลงานผ่านโทรศัพท์มือถือราว 30% เราพยายามจะเข้าไปแทนที่สมาร์ทโฟนเหล่านั้น เพราะโทรศัพท์มือถือมีข้อจำกัด เชื่อว่าลูกค้าจะเห็นฟีเจอร์ในกล้องของเราที่เป็นประโยชน์”
นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวกลับมาด้วย “เมื่อการท่องเที่ยวฟื้น คนมีกำลังซื้อ ประกอบกับคนอั้นเที่ยว กล้องจึงเป็นสินค้ากลุ่มแรก ๆ ที่ถ้าคนไปเที่ยวมักจะสนใจอยากได้ของใหม่”
สำหรับสเปกของผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวใหม่ มีดังนี้
กล้อง EOS R8 ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากรุ่นพี่อย่าง EOS R6 Mark II ถือเป็นกล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมที่สามารถบันทึกวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K 60P แบบไม่ครอป พร้อมชูฟังก์ชัน Auto Focus detect only ช่วยให้ภาพวิดีโอดูเนียนตา โฟกัสไม่หลุดแม้เดินเข้า-ออกจากเฟรมภาพ อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Canon Log 3 ที่ทำสีได้ตามต้องการ เพื่อการผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูง ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการไฟล์วิดีโอคุณภาพมืออาชีพในราคาที่เอื้อมถึง กลุ่มเป้าหมายของ EOS R8 คือ ผู้ใช้งานที่ต้องการอัปเกรดคุณภาพงานวิดีโอ การปรับตั้งค่าได้ง่ายดายและหลากหลาย เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยม เอาใจฟรีแลนซ์ที่รับงานถ่ายวิดีโอและเหล่ายูทูบเบอร์
กล้อง EOS R8 วางจำหน่ายประมาณวันที่ 20 เมษายน 2566:
- EOS R8 (เฉพาะตัวกล้อง) ราคา 56,590 บาท
- EOS R8 พร้อมเลนส์ RF24-50mm f/4.5-6.3 IS STM ราคา 64,790 บาท
ส่วนกล้อง EOS R50 ออกแบบมาเพื่อ Content Creator ยุคใหม่อย่างแท้จริง ด้วยฟังก์ชัน Close Up Demo ที่ใช้งานได้ทั้งการบันทึกวิดีโอปกติและ Live Streaming จับโฟกัสใกล้-ไกลได้อย่างแม่นยำ มอบสีสันสมจริง การเชื่อมต่อกล้องเข้ากับคอมพิวเตอร์-แล็ปท็อป ผ่านสาย USB-C ได้ทั้งภาพและเสียงโดยไม่ต้องผ่านแอปอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยกลุ่มเป้าหมายของ EOS R50 คือ ผู้ที่มองหากล้องตัวเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้งานง่ายเหมือนการใช้สมาร์ตโฟนรวมไปถึงสายไลฟ์สตรีม บล็อกเกอร์ และ Vlogger อีกด้วย
กล้อง EOS R50 วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2566:
- EOS R50 พร้อมเลนส์ RF-S18-45mm f/4.5-6.3 IS STM ( ราคา 28,990 บาท จำหน่ายสีขาวและดำ) )
- EOS R50 พร้อมเลนส์ RF-S18-45mm f/4.5-6.3 IS STM และ RF-S55-210mm f/5-7.1 IS STM ราคา 38,490 บาท (มีจำหน่ายเฉพาะสีดำ)
