หลังเกม แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือสิงโตคำรามให้สัมภาษณ์ว่าภูมิใจในลูกทีมที่เข้าชิงยูโรครั้งแรกได้สำเร็จ ต่อหน้าแฟนบอลในสนามเวมบลีย์แห่งใหม่ พร้อมยอมรับว่า เดนมาร์ก สร้างความปั่นป่วนให้ทีมต่างจากนัดก่อน ๆ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ชนะ อย่างไรก็ตาม ภารกิจสำคัญที่สุดคือรอบชิงในคืนวันอาทิตย์ที่ต้องเจอ อิตาลี ซึ่งไม่ง่ายแน่นอน
ขณะที่ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตกุนซืออาร์เซน่อล ที่ปัจจุบันทำงานกับฟีฟ่า ให้สัมภาษณ์ผ่านบีอิน สปอร์ตส์ ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับจุดโทษของอังกฤษ
ซาก้า ทำสถิติแข้งอังกฤษอายุน้อยสุดลงเล่นรอบรองฯ
"แคสเปอร์ ชไมเคิล" โดนยิงเลเซอร์ที่ตาขณะเซฟจุดโทษ "แฮร์รี่ เคน"
จังหวะนั้นผู้ตัดสินควรไปดู VAR ข้างสนามให้แน่ใจ เพราะเป็นจังหวะชี้ชะตาแพ้ชนะได้ เช่นเดียวกับ มาร์ค แคลทเท่นเบิร์ก อดีตผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก ที่มองว่าการที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดนสกัด ไม่ควรเป็นจุดโทษ
อย่างไรก็ตาม เกมนี้มีสถิติเพิ่มขึ้นมาใหม่สำหรับ แฮร์รี่ เคน ผู้ทำประตูชัย ที่ขึ้นแท่นทาบ แกรี่ ลินิเกอร์ ยิงมากสุดให้ทีมชาติอังกฤษในรายการระดับเมเจอร์ รวมฟุตบอลโลกและชิงแชมป์ยุโรป 10 ประตู ส่วน จอร์แดน พิคฟอร์ด แม้จะพลาดเก็บสถิติคลีนชีตต่อเนื่องเป็นเกมที่ 6 แต่ก็การันตีถุงมือทองคำเรียบร้อยแล้ว เพราะคนที่ใกล้เคียงสุดคือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่เก็บ 3 คลีนชีต และเหลือโอกาสแค่นัดชิงเท่านั้น ยังไงก็ไล่ไม่ทัน
ด้าน แคสเปอร์ ยุลมันด์ กุนซือเดนมาร์ก ยอมรับว่าเสียดายที่ไม่สามารถพาทีมผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เพื่อลุ้นแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 แต่ก็ชื่นชมลูกทีมที่สู้สุดใจ แม้จะต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับคริสเตียน เอริคเซ่น ตั้งแต่นัดแรก จนมาถึงเกมนี้ก็ยื้อไว้ 120 นาที ถือว่าไกลเกินฝัน แต่ก็ยังไม่คาใจกับจุดโทษที่กลายเป็นชนวนให้พวกเขาตกรอบ
