"อิศเรศ"แข้งขุนศอก รับผิดสิ่งที่่ทำ อยากขอโทษคู่กรณีด้วยตัวเอง
อัปเดทอาการแข้งโดนสับศอก กินข้าวไม่ได้ เตรียมเข้าเอ็กซเรย์
เหตุผลที่ศอกเป็นอาวุธในร่างกายที่น่ากลัวและอันตรายที่สุด เพราะมีลักษณะแหลมคมและมีกระดูกขนาดใหญ่ หากพูดง่าย ๆ ก็เปรียบเสมือนขวาน และถือเป็นอาวุธสั้นที่นักมวยเลือกใช้เมื่อขึ้นชกกับคู่ต่อสู้
นายปริญญา เจริญผล หรือน้องตุ้ม อดีตนักมวยไทย เปิดเผยกับ PPTV ว่า เหตุผลที่นักมวยเลือกใช้ศอก เพราะศอกเป็นอาวุธสั้นที่สามารถเข้าถึงตัวได้ในระยะประชิดอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ยิ่งถ้าหากใช้ศอกฟันเข้าไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะโดนจุดไหนก็ตามอาจทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์ได้
ส่วนการใช้หมัดและเข่า ก็ถือว่าอันตรายเหมือนกัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าใช้กับจุดไหนของร่างกาย ถ้าใช้หมัดชกไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้ ก็อาจเกิดอาการบวมช้ำหรือเป็นแผลแตกได้เหมือนกัน แต่การใช้ศอกฟันเข้าที่ใบหน้าคู่ต่อสู้นั้น โอกาสเป็นแผลแตกอยู่ที่ประมาณ 60% หรือมากกว่าการใช้หมัดหลายเท่า
“ถ้าเปรียบเทียบกับหมัด หมัดโอกาสน็อคมีสิทธิ์สูง แต่ถ้าเทียบกันระหว่างศอกกับหมัดโอกาสน็อคก็พอ ๆ กันนะถ้าโดนจุด แต่ถ้าโอกาสแตก ศอกมีโอกาสแตกมากกว่าหมัด เพราะฉะนั้นเขาถึงบอกว่าใช้หมัดยังดีกว่าใช้ศอก ต่อยไป บางคนโดนต่อยอาจจะตาเขียวเพราะใช้หมัด ต่อยเข้าปากอาจจะแตกนิดหน่อยแต่อาจจะไม่ถึงกับฉีก แต่ศอกมันเป็นอาวุธสั้น เราเหวี่ยงช่วงระยะสั้น ๆ แล้วมันส่งออกจากไหล่มันเลยดูรุนแรง แล้วก็อาวุธที่คมและคอนข้างที่จะแหลม เพราะฉะนั้นเวลาเราฟันไปแน่นอนว่าแตกแน่นอน” อดีตนักมวยไทย กล่าว
ตุ้ม ปริญญา กล่าวต่อว่า การใช้ศอกมีทั้งหมด 4 ระดับ ระดับ 1 คือ ศอกทัดมาลา หรือศอกงัด เป็นการงัดศอกไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้ การใช้ศอกงัดอาจทำให้เกิดแผลที่หน้าผาก จมูก และคิ้ว ระดับที่ 2 คือการใช้ศอกธรรมดา โดยเหวี่ยงศอกไปที่กรามด้านซ้ายหรือขวา อาจทำให้เกิดแผลที่กราม ปาก และปลายคาง ระดับที่ 3 คือการใช้ศอกเฉียงฟันไปที่ใบหน้า อาจทำให้เกิดแผลที่บริเวณคิ้ว หรือโหนกแก้ม และระดับที่ 4 คือการฟันศอกลงไปที่กลางกระหม่อมของคู่ต่อสู้ ซึ่งเรียกว่า "ฤาษีบดยา" เป็นท่าไม้ตายที่อาจทำให้น็อคคู่ต่อสู้ได้ในพริบตา
