จับกระแสเศรษฐกิจกลางปีมังกร ทีดีอาร์ไอคาด GDP ทั้งปีโต 2.5%
ผ่านไปครึ่งปีไตรมาสแรก GDP โต 1.5% แม้จะดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้แต่ถือว่ายังน้อย ขณะที่ทีดีอาร์ทีดีอาร์ไอคาด GDP ทั้งปี 67 โต 2.5%
ผ่านพ้นไปครึ่งปีแล้วสำหรับปี 2567 ที่ถูกเรียกกันว่า “ปีมังกร” โดยไตรมาสแรกของปีนี้เศรษฐกิจไทยโต 1.5% เมื่อเทียบกับช่วงกันของปีก่อน แม้ตัวเลขจะดีกว่านักวิเคราะห์คาดกันไว้ว่าจะไม่ถึง 1% แต่ยังถือว่าค่อนข้างน้อยสำหรับประเทศที่มีรายได้ปานกลางอย่างไทย
ในครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร? วันนี้ (26 มิ.ย. 67) ทีดีอาร์ไอชวนจับกระแสเศรษฐกิจ กับ ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก ทีดีอาร์ไอ
ดร.กิริฎา มองว่าไตรมาสต่อไปเศรษฐกิจจะขยายตัวมากกว่าไตรมาส 1 และภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปีน่าจะโตได้ 2.5% เทียบกับปี 2566
ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจโตมาจากการลงทุนของภาครัฐที่ “เม็ดเงิน”ลงสู่ระบบหลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ได้ประกาศไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้มากขึ้น.....ดร.กิริฎากล่าว
นอกจากนี้การส่งออกแม้ไตรมาสแรกหดตัวไป 0.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้คาดว่าน่าจะได้เห็นมูลค่าการส่งออกที่สูงกว่าปีที่แล้ว 1-2% เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การส่งออกไปยังตลาดหลักของไทยอย่าง สหรัฐฯ ยุโรป ตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศในอาเซียนขยายตัวได้บ้าง อีกทั้งอุตสาหกรรมวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นจะช่วยเสริมภาพรวมของการส่งออกให้ดีขึ้นกว่าปี 2566
ความท้าทาย-ความเสี่ยงครึ่งปีหลัง
ดร.กิริฎา มองว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนจากภูมิรัฐศาสตร์ทั้งความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีความไม่ลงรอยกันของ 2 ยักษ์ใหญ่ ได้แก่ สหรัฐฯ กับจีน
สหรัฐฯ กีดกันทางการค้ากับจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ มีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในระดับที่สูง อย่างรถ EV สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 100% แล้ว และไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้น แต่ภาคีของสหรัฐฯ อย่างยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นก็พยายามจะกีดกันสินค้าจากจีน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจจีนไม่สามารถที่ฟื้นได้มากเท่าที่เราคาดไว้ เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจจีนจะโตช้าหน่อย.....ดร.กิริฎากล่าว
เมื่อจีนไม่สามารถขายสินค้าให้กับตลาดเดิมได้จึงหาตลาดอื่นเพื่อระบายสินค้าแทน แน่นอนว่าภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่จะมีสินค้าจีนหลั่งไหลเข้ามามาก แต่ปรากฎการณ์ดังกล่าวเหมือนเหรียญสองด้าน คือเป็นทั้ง “ความเสี่ยง” และ “โอกาส” ของไทย
“ความเสี่ยง” คือสินค้าจากจีนเข้ามาตีตลาดไทยในสินค้าประเภทเดียวกัน ซึ่งสินค้าผลิตในไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาสินค้าที่ถูกกว่าได้ ขณะที่ “โอกาส” คือการนำวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากจีนมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าก็จะเกิดประโยชน์
เศรษฐกิจไทยโตน้อยสุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของอาเซียน
การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาเช่นเดียวกับไทย พบว่าเศรษฐกิจไทยโตน้อยที่สุด
หลายคนบอกว่าเพราะเรามีรายได้ต่อหัวสูงกว่าอินโดนีเซีย ลาว หรือกัมพูชา เพราะฉะนั้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเราอาจจะน้อยกว่าเพราะฐานเราใหญ่กว่า แต่พอเราไปดูประเทศอื่นเช่นมาเลเซียซึ่งรายได้ต่อหัวมากกว่าไทยสองเท่า แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าไทย ในปีนี้คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจมาเลเซียน่าจะขยายตัวเกือบ 5% ในขณะที่ไทยขยายตัวได้ประมาณ 2.5% เพราะฉะนั้นเรายังต้องทำอะไรอีกมากเพื่อที่จะขยายมูลค่าเพิ่มของการผลิต.....ดร.กิริฎากล่าว
ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียเติบโต นอกจากอานิสงส์เรื่องราคาพลังงานแล้วยังมีอุตสาหกรรมไฮเทคและการผลิต Semiconductor ที่เป็นที่ต้องการของเศรษฐกิจโลกในยุคปัจจุบัน ที่ผ่านมามีภาคธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่นี้ไปลงทุนที่มาเลเซียค่อนข้างมาก ทั้ง Data Center และ Cloud Computing สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยยังพัฒนาสู้มาเลเซียไม่ได้
เดินหน้านโยบายอย่างไรให้ GDP ไทยสูงกว่าเดิม?ดร.กิริฎา ระบุว่าควรปรับปรุงกฎระเบียบ ขั้นตอนการขออนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจและการลงทุนให้มีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ได้ โดยเฉพาะในขณะนี้ที่หลายประเทศย้ายฐานการผลิตจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
ตอนนี้เป็นโอกาสที่จะดึงดูดการลงทุนจากการย้ายฐานการผลิตกันในระดับโลก ซึ่งอาจจะ 50 ปีมีครั้ง ภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นอยู่นี้ บริษัทของไต้หวัน ญี่ปุ่น หรือของสหรัฐฯ อยากจะย้ายออกจากจีน หรือย้ายออกจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับเขามาสู่ประเทศที่เป็นมิตร ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ค่อนข้างจะเปิดรับทุกค่าย ถ้าเราอยากจะดึงดูดเขามาง่ายสุดคือการมาปรับกฎระเบียบของเรา.....ดร.กิริฎากล่าว
ดร.กิริฎาทิ้งท้ายด้วยว่า ที่สำคัญคือการเร่งพัฒนาทักษะของแรงงานในประเทศ เพื่อให้ตอบโจทย์กับการลงทุนใหม่ ๆ ที่เน้นทักษะการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยี รวมไปถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และมู่งสู่การใช้พลังงานสะอาด ย้ำว่าการพัฒนาและเดินหน้านโยบายเหล่านี้ไม่ใช่แค่เป็นไปเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทำให้รายได้และความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้นด้วย
อุตุฯ เตือนฉบับ 10 กทม.-44 จังหวัดฝนตกหนัก ถึง 26 มิ.ย.
ก.ตร.จ่อเลื่อนวาระพิจารณา “บิ๊กโจ๊ก” หลังองค์ประชุมไม่ครบ
สรุปผลกลุ่ม C และ D ตารางคะแนน ยูโร 2024 (EURO 2024) ทีมใดเข้ารอบ